ปลัด มท.ขับเคลื่อนส่งเสริมและพัฒนาการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชนให้เป็นวิถีชีวิต เน้นย้ำทุกพื้นที่ต้องบูรณาการร่วมกันทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยมีสุขภาพพลามัยที่ดี มีจิตใจเข้มแข็ง เพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุมราชบพิธ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการประเด็นการพัฒนาที่ 2 การส่งเสริมและพัฒนาการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชนให้เป็นวิถีชีวิต ครั้งที่ 2/2566 โดยมี พลเอก สุรชาติ จิตต์แจ้ง นายกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย นายสมบูรณ์ สุธีระกุล ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นางบงกชรัตน์ โมลี ผู้อำนวยการกองนโยบายการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งชาติ นางสาวเพียรจิตร สิงหโทราช ที่ปรึกษาโครงการจัดทำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 นายทนงศักดิ์ ศุภทรัพย์ ผู้อำนวยการ Park Run Thailand ผู้แทนจากกรมพลศึกษา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรุงเทพมหานคร กรมบัญชีกลาง มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า พันธกิจที่สำคัญของกระทรวงมหาดไทย คือ “การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งการทำให้พี่น้องประชาชนมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง จะช่วยทำให้ทุกคนมีความสุขและสามารถพัฒนาในทุกด้านอย่างสร้างสรรค์ จึงเป็นสิ่งที่พวกเราคนมหาดไทยต้องให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายด้วยการบูรณาการภาคีเครือข่ายทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมด้วยช่วยกันในการส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายให้เป็นวิถีชีวิต เป็นวัฒนธรรมของชุมชน และเป็นกิจวัตรประจำวันของผู้คน
"คณะอนุกรรมการประเด็นการพัฒนาที่ 2 การส่งเสริมและพัฒนาการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชนให้เป็นวิถีชีวิต ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่มีผลดี ทำให้พี่น้องประชาชนเกิด Passion มุ่งมั่นที่จะออกกำลังกาย เพื่อที่จะทำให้คนในชาติมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง ซึ่งหากผู้ใหญ่ได้ออกกำลังกายจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทำให้วัฒนธรรมการออกกำลังกายกลายเป็นวิถีชีวิต จะทำให้ลูกหลานที่เกิดมาได้ซึมซับวิถีชีวิตดังกล่าว และจะได้ไม่ต้องกังวลว่าคนในชาติของเราจะมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงหรือไม่ ด้วยการต้องสร้างความเข้าใจให้ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำของส่วนราชการที่อยู่ทุกกระทรวง ทบวง กรม เกิดความเข้าใจว่า การสนับสนุนส่งเสริมคนออกกำลังกายเป็นวิถีชีวิตเป็นหน้าที่ของทุกคน โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนาการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชนให้เป็นวิถีชีวิตระดับจังหวัดให้เป็นรูปธรรม ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาของประชาชนทุกกลุ่มอายุ ทุกสภาพร่างกายในหมู่บ้าน ชุมชนให้มีความต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาวะที่ดีและมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนรวมกลุ่ม/ชมรมส่งเสริมการออกกำลังกายให้เป็นวิถีชีวิตอย่างน้อย ชุมชน/ท้องถิ่น แห่งละ 1 กลุ่ม/ชมรม ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน ชุมชน องค์กรภาคประชาสังคม หรือภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมการออกกำลังกายและกีฬาของชุมชน รวมทั้งการขอความร่วมมือหน่วยงานในจังหวัดที่มีสถานที่ที่เหมาะสมกับการออกกำลังกาย อาทิ สวนหย่อม เส้นทางเดินธรรมชาติ ลานกีฬาในสถานศึกษา ลานวัด/ศาสนา เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามาใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกาย ซึ่งสถานที่ออกกำลังกายโดยเฉพาะลานกีฬาอาจไม่ใช้พื้นที่ที่ต้องเป็นทางการ อาจใช้เส้นทางถนน เส้นทางจักรยาน เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร ที่สามารถส่งเสริมให้ประชาชนไปเดินไปออกกำลังกายได้ในชีวิตประจำวันทุกวัน" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด คือผู้ทำหน้าที่ “นายกรัฐมนตรีของจังหวัด” และนายอำเภอ คือผู้ทำหน้าที่ “นายกรัฐมนตรีของอำเภอ” รวมไปถึงผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกคนต้องเป็นผู้นำที่ลุกขึ้นมาทำก่อนในการออกกำลังกายเพื่อที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้พี่น้องประชาชนได้ปฏิบัติตาม รวมทั้งต้องคอยกำกับและติดตามการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนออกกำลังกายและเล่นกีฬาให้เป็นวิถีชีวิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการติดตามงานที่มอบหมายการขับเคลื่อนส่งเสริมและพัฒนาการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชนให้เป็นวิถีชีวิตจากการประชุมครั้งที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการไปแล้วหลายจังหวัด นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการที่จะช่วยกัน Change for Good ให้มีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน โดยเริ่มต้นให้ผู้นำเชิญชวนให้ชาวบ้านออกกำลังกาย 3 – 4 วันต่อสัปดาห์หรือวันเว้นวัน ทำให้คนเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย เกิดภาพการเล่นกีฬา การออกกำลังกายในพื้นต่าง ๆ เช่น สวนหย่อม เส้นทางเดินธรรมชาติ ลานกีฬาในสถานศึกษา ลานวัด/ศาสนา ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ต้องมีการประชุมหารือกันทุกเดือน เพื่อให้พื้นที่มีโอกาสนำเอาแนวทางไปขับเคลื่อนให้เกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ให้มีกลุ่มคนทุกตำบล ทุกหมู่บ้านมาร่วมกันออกมาออกกำลังกาย รวมไปถึงผู้นำท้องถิ่นท้องที่ต้องช่วยกันอำนวยความสะดวกในเรื่องของสถานที่ งบประมาณ อุปกรณ์ที่จำเป็น และการดูแลความปลอดภัย เช่น เรื่องของแสงส่องสว่างให้เพียงพอ การปลุกกระแสการจัดกิจกรรมออกกําลังกายในทุกท้องถิ่น ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด โดยขอความร่วมมือทางสาธารณสุขจังหวัดช่วยส่งเสริมกิจกรรมให้คนเข้าใจเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งหากมีพี่น้องประชาชนเข้ามาร่วมออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นแล้วจึงต่อยอดด้วยการทำเทคโนโลยีผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันต่างๆ เก็บข้อมูลสุขภาพเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนต่อไป
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวในช่วงท้ายว่า เราจะต้องทำให้การออกกำลังกายกลายเป็นวิถีชีวิตให้จงได้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง เกิดความรักมีความสามัคคีจากการมาออกกำลังกายด้วยกัน ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งไปยังโรงเรียน สถาบันการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด ให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งเสริมให้เด็ก และบุคลากรของสถาบันการศึกษาของท้องถิ่นได้ออกกำลังกายทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที ในช่วงก่อนเวลากลับบ้าน โดยมีรางวัลจูงใจให้เด็ก ๆ ได้ออกกำลังกายกันมากขึ้น เกิดการชักชวนพ่อแม่ ครอบครัว คนใกล้ชิดมาออกกำลังกายร่วมกัน และขอให้ช่วยจัดสถานที่สำหรับเด็กได้สามารถออกกำลังกายได้สะดวก เช่น สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา เพื่อเสริมสร้างพัฒนาที่ดีให้กับเด็กที่จะกลายเป็นอนาคตของชาติ รวมไปถึงการกำชับทุกพื้นที่ให้ปรับปรุงส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสนามกีฬา ลานกีฬาที่ทิ้งร้างอย่างต่อเนื่อง และเชิญชวนให้ทุกท้องถิ่นจัดมหกรรมกีฬาพื้นบ้าน หรือมหกรรมการออกกำลังกายในวันหยุดเทศกาลต่าง ๆ อันจะยังผลให้พี่น้องประชาชนเกิดความรักความสามัคคี เกิดความกตัญญูต่อบ้านเกิดเมืองนอน โดยมีภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายการส่งเสริมและพัฒนาการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชนให้เป็นวิถีชีวิต ทำให้พี่น้องประชาชนได้หันมาออกกำลังกายเพื่อทำให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีสุขภาพพลามัยที่ดี มีจิตใจเข้มแข็ง และมีความสุขอย่างยั่งยืน
ด้าน นางบงกชรัตน์ โมลี ผู้อำนวยการกองนโยบายการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งชาติ กล่าวว่า สถานการณ์การส่งเสริมการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชนให้เป็นวิถีชีวิตในปัจจุบันมีหน่วยงานหลัก 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยมีหน่วยงานภายใต้สังกัดที่ดำเนินการโครงการในการส่งเสริมกีฬาเพื่อมวลชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ได้มีการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทยเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ยังมีการขับเคลื่อนโครงการร่วมกันระหว่าง 3 กระทรวง คือ โครงการ “Walk Run Bike Fighting Stroke” ของโรงพยาบาลศิริราช ที่ได้ส่งเสริมแอปพลิเคชั่นในการให้ประชาชนออกกำลังกายและสะสมแคลอรี่ โดยเฉพาะการส่งเสริมการออกกำลังกายผ่านแอปพลิเคชัน CCC ซึ่งในอนาคตจะได้มีจะมีการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลการส่งเสริมการออกกำลังกายและข้อมูลการออกกำลังกายของทุกหน่วยงานร่วมกัน เช่น แอปพลิเคชัน CCC และ ก้าวท้าใจ ซึ่งในขณะนี้ หลายหน่วยงานได้นำเครื่องมือกลางที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดทำขึ้นก็คือแอปพลิเคชั่น CCC ไปส่งเสริมให้ประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ในพื้นที่ได้ออกกำลังกายและเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งการประมวลผลข้อมูลจากแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันสามารถที่จะเห็นข้อมูลผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนในเชิงพื้นที่เชิงประจักษ์ ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้ในพื้นที่ได้เกิดการกระตุ้นการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพให้กับพี่น้องประชาชนได้เพิ่มมากขึ้น
ด้าน นางสาวเพียรจิต สิงหโทราช ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า จากการประชุมเมื่อเดือนที่ผ่านมาภายในเวลาแค่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถัดไป กระทรวงมหาดไทยได้มีการออกหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกระตุ้นให้เกิดการส่งเสริมการเล่นกีฬาและออกกำลังกายของประชาชนซึ่งเป็นความคืบหน้าที่ดีมาก และการเข้ามาส่งเสริมการเล่นกีฬาและออกกำลังกายในครั้งนี้ โดยเฉพาะผลการรายงานความคืบหน้าในการขับเคลื่อนการทำงานเข้ามาของหลายจังหวัด เชื่อว่าจะช่วยทำให้ประชาชนหันมาสนใจการดูแลสุขภาพภาพได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้เป้าหมายตัวชี้วัดต่าง ๆ สำเร็จได้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลจะต้องมีการบูรณาการในเรื่องการจัดเก็บข้อมูลการออกกำลังกายและเล่นกีฬาของประชาชน โดยจะต้องบูรณาการเข้าด้วยกันระหว่างกระทรวงท่องท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงการขอความร่วมมือให้ผู้นำท้องถิ่นได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เล่นกีฬาและออกกำลังกายทุกคนเข้าถึงแอปพลิเคชั่นการออกกำลังกายเพื่อเป็นการเก็บข้อมูลมาพัฒนาส่งเสริมและพัฒนาด้านสุขภาพ กีฬา และการออกกำลังกายต่อไป
ด้านผู้อำนวยการ Park Run Thailand กล่าวว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วได้เกิดโรคระบาดโควิด-19 จึงได้มีการจัดกิจกรรมออกกำลังกายในบ้านในชุมชน คือ “Park Run Thailand” คำว่า “Park” ในที่นี้หมายถึงชุมชน เมื่อชุมชนเข้มแข็ง ทำให้เกิดความสัมพันธ์ในชุมชน เกิดความเจริญ และขับเคลื่อนประเทศไทยได้ โดยการทำกิจกรรมครั้งนี้ได้มีการบูรณาการกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งกรมพลศึกษา ซึ่งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มาร่วมทำให้เป็นวิถีชีวิตคือต้องทำทุกสัปดาห์ เพราะการทำทุกสัปดาห์จะทำให้เกิดการเชื่อมโยง ทำให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมใช้ค่านิยม 4 ประการ “พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา” และความกตัญญูกตเวที เป็นค่านิยมสำคัญที่จะขับเคลื่อนคนในทุก ๆ พื้นที่ไปพร้อมกับการเชิดชู ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งมีผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชนได้ร่วมกิจกรรมพร้อมกับครอบครัวเป็นจิตอาสาเริ่มทำงานในสังคมเกิดการเชื่อมโยงความร่วมมือกันในชุมชนในการที่จะรณรงค์เรื่องการเก็บขยะ การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การปลูกต้นไม้โดยมีคนในชุมชนร่วมกันเผยแพร่ให้เกิดค่านิยมที่ทำให้ชุมชนอื่นนำไปเป็นแบบอย่างได้ ซึ่งมีโมเดลความสำเร็จที่เป็นการบูรณาการ 3 กระทรวง เช่น อำเภอปราณบุรี โดยความร่วมมือของนายอำเภอ ที่อำเภอบ้านยาง อำเภอสามร้อยยอด โดยความร่วมมือของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาเป็นผู้นำการดำเนินงานร่วมกับ อสม. และ จพล. อำเภอเนินมะปราง โดยความร่วมมือของนายอำเภอ อสม. และ จพล. มาร่วมกันขับเคลื่อนทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง เป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจให้ชุมชนอื่นๆ ได้พัฒนาตามได้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี