ศาลพิพากษาจำคุก “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” นักธุรกิจดัง 1,155 ปีปรับ 145 ล้านบาท คดีร่วมกันตุ๋นเหยื่อ 321 ราย ลงทุนซื้อขายสินค้าแบรนด์เนม เสียหายนับพันล้าน ชดใช้เงินคืนเหยื่อ ยกฟ้องจำเลยอื่น แต่ให้ขังรออุทธรณ์
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่อัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท วีเลิฟยัวแบ็ก (ไทยแลนด์) จำกัด , น.ส.อมราภรณ์ หรือ พ.ต.หญิง พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข , บริษัท เหนือโลก จำกัด โดยนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กรรมการผู้จัดการฯ ในฐานะนิติบุคคล , นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก อดีตประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน , นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ , น.ส.ณัฐวรรณ อุตตมะปรากรม , บริษัท เอ็มโกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด โดย น.ส.สิริมา เนาวรัตน์ กรรมการผู้จัดการฯ , น.ส.สิริมา เนาวรัตน์ และนายกิตติวัฒน์ อ่วมอารีย์ จำเลยที่ 1-9 ตามลำดับ ในความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3, 4, 5, 9, 11, 12, 15 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14 (1) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 341 และ 343 และให้พวกจำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้รับคืน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
คดีนี้โจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ถึง 19 เมษายน 2564 พวกจำเลย ได้ร่วมกันและแยกกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ด้วยการหลอกลวงและแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โฆษณาชักชวนประชาชนมาร่วมลงทุนซื้อขาย ฝากขายสินค้าแบรนด์เนม ในหลายรูปแบบโดยจะให้ผลประโยชน์ตอบแทน ร้อยละ 40.15 จนถึง 51.1ต่อปี ซึ่งเป็นผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด ร้อยละ 3.25 ต่อปี จนมีประชาชนจำนวนมากหลงเชื่อ ร่วมลงทุนกับพวกจำเลย ตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่พวกจำเลยตั้งขึ้น ทั้งที่ความจริงไม่มีเจตนานำเงินจากประชาชนและผู้เสียหาย ไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าว เป็นเพียงอุบายเพื่อนำเงินลงทุนมาเป็นประโยชน์แก่พวกจำเลยเท่านั้น สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาลกว่า 1,000 ล้านบาท ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยตามความผิด
ทั้งนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษาให้นายประสิทธิ์ จำเลยที่ 4 ฟังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ไปที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องรู้เห็นด้วยตนเองสมเหตุสมผล มีรายละเอียดเชื่อมต่อเป็นลำดับเรื่องราวความเป็นมาของการกระทำความผิดตั้งแต่เปิดธุรกิจของจำเลยที่ 1,3,4 มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนที่จำเลยที่ 1,3,4 ต่อสู้คดีอ้างว่ามีแผนการธุรกิจและคำนวณตามโมเดลธุรกิจดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลตอบแทนสูงนั้นเป็นเพียงแนวคิดเบิกความลอยๆ ที่โฆษณาหลอกลวงว่าประชาชนผู้เสียหายจะได้รับผลตอบแทนจำนวนมากนั้นไม่สามารถกระทำได้จริง พยานหลักฐานของจำเลยที่ 1,3,4 ยังมีข้อพิรุธ น่าสงสัยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 ,5-9 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าพยานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเพื่อลงโทษจำเลยที่ 2,5-9 จึงพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1,3,4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 342 พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ประกอบมาตรา 83 เป็นความผิดกฎหลายบทต่างกัน ให้ลงโทษ ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ที่เป็นโทษหนักสุด ให้จำคุก นายประสิทธิ์ จำเลยที่ 4 กระทงละ 5 ปี จำนวน 321กระทง รวม 1,155 ปี และปรับจำเลยที่ 1,3 และ4 รายละ 5 แสนบาท จำนวน 321 กระทง รวมเป็นเงิน 145,500,000 บาท อย่างไรก็ดี กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 20 ปี คงจำคุกนายประสิทธ์ จำเลยที่ 4 ไว้รวม 20 ปี และให้จำเลย 1,3 และ 4 ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายอัตราร้อยละ 5 ไม่เกินร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2,5-9 พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้ทำความเห็นแย้งเห็นว่า จำเลยทั้ง 9 มีส่วนร่วมรู้เห็นการกระทำผิดด้วย ทั้งนี้ การทำความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา นั้น จะอยู่ในสำนวนคดีและหากอัยการยื่นอุทธรณ์ความเห็นแย้งดังกล่าว ก็จะอยู่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี