ไทยเจอ5ราย
โควิดEG.5.1
แพร่ระบาดเร็ว
แซงXBB.1.16
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยภาพรวมการระบาดโควิดทั่วโลกพบ สายพันธุ์ EG.5.1 ระบาดเร็วกว่า XBB.1.16 ถึง 45 เปอร์เซ็นต์ ในเอเชีย มีรายงานผู้ติดเชื้อใน11ประเทศ โดย‘จีน’ครองอันดับ 1 ส่วนไทยพบผู้ป่วยสายพันธุ์ EG.5.1แล้ว 5 ราย ยังไม่พบข้อมูลเรื่องความรุนแรง
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่ากรณีมีข่าว พบโควิด-19 สายพันธุ์ EG.5.1แพร่เร็วกว่า XBB.1.16 นั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้ EG.5.1 หรือ XBB.1.9.2.5.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน XBB.1.9.2.* มีตำแหน่งกลายพันธุ์เพิ่มเติมบนโปรตีนหนามคือ S:F456L กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 456 เปลี่ยนจากฟีนิลแอลานีน เป็น ลิวซีน) และ S:Q52H (กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 52 เปลี่ยนจากกลูตามีน เป็น ฮีสติดีน ทั้งนี้ อัตราแพร่เชื้อช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ภาพรวมทั่วโลกพบว่า สูงกว่าสายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16* ร้อยละ 45
ส่วนสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชีย ระหว่างวันที่ 4 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม พบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดคิดเป็น 13.71% รองลงมาคือ สายพันธุ์ XBB.1.9.1 คิดเป็น 8.68% และสายพันธุ์ EG.5.1 คิดเป็น 7.33%
นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ของสายพันธุ์ EG.5.1 ทั่วโลก อ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID แบ่งตามภูมิภาค ดังนี้ เอเชีย 1,385 ราย ยุโรป 203 ราย โอเชียเนีย 35 ราย อเมริกาเหนือ 360 ราย อเมริกากลาง 4 ราย และอเมริกาใต้ 1 ราย ข้อมูลถึงวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยสายพันธุ์ EG.5.1 ในภูมิภาคเอเชีย พบรายงานจาก 11 ประเทศ เรียงลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง อิสราเอล ลาว อินโดนีเซีย ไต้หวัน ไทย และ อินเดีย
“สำหรับประเทศไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1 จำนวน 5 ราย รายงานครั้งแรกในเดือนเมษายน 2566 จำนวน 1 ราย เดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 3 ราย และเดือนมิถุนายน 2566 จำนวน 1 ราย ทั้งนี้ ยังไม่พบข้อมูลเรื่องการเพิ่มความรุนแรง”นพ.ศุภกิจกล่าว
และว่า สถานการณ์โดยรวมปัจจุบันพบ XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดของประเทศไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 17-23 มิถุนายน ผลถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด-19 จำนวน 74 ราย พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม XBB.* 73 ราย (นับรวม XBB.1, XBB.1.9, XBB.2.3, XBB.1.5, XBB.1.16) คิดเป็น 98.6% และสายพันธุ์ลูกผสม XBL เป็นการผสมระหว่าง สายพันธุ์ XBB.1.5 ผสมกับ BA.2.75 1 ราย สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจสัปดาห์นี้ สองอันดับแรก ได้แก่ สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16 และ XBB.1.9.1* คิดเป็น 56.76% และ 16.22 % ตามลำดับ ซึ่งไม่พบ EG.5.1 ในสัปดาห์นี้
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยว่า ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้ความสำคัญกับการติดตามโอไมครอน 8 สายพันธุ์ จากพื้นฐานของข้อมูล การเพิ่มความชุกหรือความได้เปรียบด้านอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น และการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบในการก่อโรค ได้แก่ สายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI) 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5* และ XBB.1.16* และสายพันธุ์ที่ต้องจับตามองหรือ Variants under monitoring (VUM) 6 สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.75, CH.1.1, XBB, XBB.1.9.1, XBB.1.9.2* และ XBB.2.3*
ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์ฯยังเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อก่อโรคโควิด-19 ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต