นครพนม-เสียบยับนับ 10 แผล หนุ่มป่วยจิตมโนเพื่อนบ้านจะทำร้าย บุกจ้วงแทงจมกองเลือด ใจเย็นยืนเช็ดคราบเลือดบนมีด กราบเท้าแม่ขอลาชดใช้กรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.คืนของวันที่ 16 กรกฎาคม 2566 พื้นที่ สภ.นาทม จ.นครพนม เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดกระหน่ำแทงอย่างเหี้ยมโหด จนเป็นเหตุให้ นายอุดมโชค (สงวนนามกสุล) อายุ 48 ปี หรือนายแหล้ เสียชีวิตอยู่ตรงหน้าบ้าน ญาติผู้เสียชีวิตจึงแจ้งตำรวจชุดสายตรวจ สภ.นาทม เข้าตรวจที่เกิดเหตุ ต่อมา พ.ต.อ.เชาว์ ป้อมงาม ผกก.สภ.นาทม พร้อมตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบ เก็บหลักฐาน และร่วมชันชันสูตรศพกับแพทย์เวร รพ.นาทม โดยนายแหล้ผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือด บริเวณหน้าบ้านพัก มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดหลายจุด มีจุดสำคัญตรง บริเวณลำคอด้านซ้าย และหน้าอกซ้ายตัดขั้วหัวใจ 1 จุด รวมทั้งตามลำตัวอีก หลายแห่ง มีเลือดอาบทั่วตัว ส่วนผู้ก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ภายหลังตำรวจชุดสืบสวน ทราบผู้ก่อเหตุในเวลาต่อมาคือ นายต่อศักดิ์ หรือต้น อายุ 36 ปี อาชีพเกษตรกร ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกันกับผู้ตาย โดยตำรวจเข้าจับกุมได้ที่บ้านพัก พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลม ยาว ประมาณ 40 เซนติเมตร โดยผู้ต้องหารับสารภาพ ว่า ไม่พอใจในเรื่องส่วนตัว เนื่องจากเคยมีปากเสียงกัน เพราะมีที่นาติดกันจึงมักมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการรุกล้ำที่นาอยู่เสมอ
ขณะเดียวกันชุดสืบสวนทราบว่า ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากสาเหตุความเครียด เพราะผู้ก่อเหตุเคยมีอาการป่วยจิต ต้องกินยาระงับประสาทต่อเนื่อง แต่ไม่ได้พบแพทย์ตามนัดมานานกว่า 2 ปี คาดอาการกำเริบจึงก่อเหตุสลด เพราะสมองปั่นป่วนคิดว่าผู้ตายจะทำร้ายเสมอ ทั้งนี้ทางด้าน พ.ต.ท.ประวัติ พลสุวรรณ์ สารวัตรสอบสวน สภ.นาทม ได้แจ้งข้อหานายต้นผู้ก่อเหตุฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมเตรียมเสนอขอฝากขังศาลจังหวัดนครพนม ในวันพรุ่งนี้ (18 กค.66)
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายกิตติศักดิ์ อายุ 74 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่าทำใจไม่ได้ ไม่คิดว่าลูกชายคือ นายแหล้จะมาเสียชีวิตกะทันหันแบบนี้ ปกติเป็นคนขยันไปทำงานต่างประเทศมากว่า 10 ปี ส่งเงินมาให้ครอบครัว ถือเป็นเสาหลักครอบครัว โดยเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 3 คน ครองตัวเป็นโสดไม่มีภรรยา แต่เก็บสะสมเงินจนสร้างบ้านไว้ให้พ่อแม่อยู่ รับไม่ได้กับการกระทำผู้ก่อเหตุ ถึงจะรู้ว่าตำรวจจับกุมตัวแล้ว แต่ยังไม่คุ้มค่ากับชีวิตลูกชายตน ไม่รู้จะเอาอะไรมาชดเชย และไม่ขอให้อภัย
ส่วนนางเนียม อายุ 65 ปี แม่นายต้นผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าเมื่อ 4 -5 ปีก่อน ลูกชายมีประวัติติดยาเสพติด จนมีอาการป่วยจิต ต้องไปรักษารับยากับแพทย์ รพ.จิตเวชฯนครพนม และเชื่อว่าหายเป็นปกติแล้ว โดยนายต้นทำอาชีพเกษตรดูแลพ่อแม่มาตลอด ปัจจุบันลูกชายไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และไม่คิดว่าจะก่อเหตุลักษณะนี้ เพราะไม่เคยบอกว่าไม่พอใจใคร มีเพียงบ่นตามประสาว่า มีปากเสียงกันกับนายแหล้เกี่ยวกับวัวควายไปเหยียบนาในข้าวของผู้ตาย ถือเป็นปกติธรรมดา ไม่คิดว่าจะเป็นสาเหตุจนฆ่ากันตาย ซึ่งหลังก่อเหตุยังมากราบเท้าลาแม่ และขอชดใช้กรรม ไม่ได้หลบหนีไปไหน ตนก็ยังทำใจไม่ได้เช่นกัน ไม่รู้จะเอาอะไรไปชดใช้กับการสูญเสียของครอบครัวฝั่งผู้ตาย ส่วนลูกชายก็ขอให้ชดใช้กรรมในคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า ภายหลังได้เดินทางไปที่ สภ.นาทม พบผู้ต้องหาถูกคุมขังไว้ที่ห้องขังชั่วคราว หลังถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากการพูดคุยยังโต้ตอบได้ปกติ และยอมรับในการกระทำที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง และสำนึกผิดแล้ว ส่วนสาเหตุมาจากความไม่พอใจส่วนตัว แต่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
ทางด้าน นายไชยศักดิ์ อายุ 45 ปี เพื่อนบ้านของผู้ตาย เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนและเพื่อนบ้านได้ยินเสียงนายแหล้ร้องครวญครางอยู่บริเวณหน้าบ้าน ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ของคนก่อเหตุขับเข้าไปจอด ในขณะที่ผู้ตายกำลังเดินเข้าบ้าน เชื่อว่าผู้ตายไม่ได้ตั้งใจ ว่าคนก่อเหตุจะมาฆ่า และไม่ทันตั้งตัว คาดผู้ก่อเหตุบุกประชิดตัว ล็อคคอแทงด้วยมีดแหลม จนล้มลงจมกองเลือดกับพื้น โดยตนเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปช่วยเหลือพบคนก่อเหตุมีความเยือกเย็น ไม่ยี่หระต่อการกระทำ ยืนใช้เสื้อเช็ดเลือดในมีดอย่างใจเย็น และบอกกับชาวบ้านให้แจ้งตำรวจมาจับเลย พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าโหดเหี้ยมมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี