‘แม่ทัพภาคที่4’สั่งสแกนยิบอีก 52 โกดังเก็บพลุหวั่นซ้ำรอย คาดดินดำรัศมีทำลายล้างไกล 2 กม.
30 กรกฎาคม 2566 พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางมายังกองอำนวยการร่วม ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราว สนามกีฬา อบต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเหตุโกดังเก็บดอกไม้เพลิง ตั้งอยู่บ้านมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่ช่างกำลังเชื่อมต่อเติมชั้นวางของภายในโกดัง ซึ่งมีดอกไม้เพลิงและพลุนานชนิดจำนวนกว่า 2 คันรถสิบล้อถูกเก็บอยู่ภายในโกดัง เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 29 ก.ค.66 ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โศกนาฏกรรม!‘โกดังพลุ’นราธิวาสระเบิด พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 12 ราย)
ทั้งนี้มี พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 , พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส , พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียน ผบ.ฉก.นราธิวาส , พ.ต.อ.อนุราช จิตศีล นักวิทยาศาสตร์ สบ.5 ศูนย์กองพิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.นราธิวาส รวม 20 นาย ให้การต้อนรับ และร่วมประชุมร่วมในการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมี ร.ท.พัฒนาวุฒิ สังข์สุวรรณ ผบ.ร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 กก.สุริโยทัย เป็นผู้บรรยายตั้งแต่การเกิดระเบิด การควบคุมสถานการณ์ การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ในชาวบ้านได้ออกห่างจุดเกิดเหตุ เกรงจะได้รับอันตรายในระหว่างไฟลุกลามกองดอกไม้เพลิงที่ปะทุเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
พล.ท.ศานติ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้บูรณาการในการปฏิบัติ แบ่งการทำงานให้ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการขออนุญาตการตั้งโกดังถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากมีผลต่อการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ อีโอดี.ต้องเร่งและประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าการระเบิดในครั้งนี้ พบหลุมระเบิด 2 จุดในโกดังค่อนข้างลึก หากเป็นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณกี่กิโลกรัม และในส่วนของการครอบครองดอกไม้เพลิงสามารถเก็บไว้ในโกดังได้เท่าใด
“ผมยังได้สั่งตรวจสอบโกดังต่างๆในพื้นที่ จ.นราธิวาส ไปแล้ว มีทั้งหมด 52 แห่ง มีการดำเนินการตามระเบียนของการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
พล.ท.ศานติ กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีการสอบสวนดำเนินคดีว่าโกดังนี้มีการขออนุญาตในทุกเรื่องว่าถูกต้องหรือไม่ โดยทาง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ชี้แจงว่าใครที่เกี่ยวจะดำเนินการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักและ อีโอดี.ด้วย ที่ตรงนี้ก่อนช่วงเดือนรอมฎอน ตนเองได้สั่งการไปแล้วครั้งหนึ่งว่าร้านค้าที่ขายพลุประทัดต่างๆใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ให้ทำการตรวจสอบในทุกพื้นที่ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งอาจจะมีหลงเหลือหรือแอบกันอยู่บ้าง หลังจากนี้ไปให้ตรวจสอบทุกจังหวัด ให้เข้าในทุกโกดังร้านค้าว่าถูกต้องหรือไม่ ทั้งครอบครอง เคลื่อนย้ายหรือจำหน่าย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก
ขณะที่รายงานข่าว ระบุว่าได้มีการพูดคุยให้รายละเอียดในทางลับ ว่า จากการประเมินของหลุมระเบิด รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นผลการดินดำหรือดินเทาที่เป็นส่วนผสมของดอกไม้เพลิงที่เก็บไว้ในโกดัง ซึ่งมีปริมาณมาก 2 ถึง 3 คันรถสิบล้อนั้น คาดว่าจะมีน้ำหนักมากถึง 5 ตันหรือ 5,000 กก. ซึ่งมีรัศมีการทำลายล้างไกลถึง 2 กม. และในส่วนของการขออนุญาตมีการจดทะเบียนนั้น เจ้าหน้าที่ได้มีการประสานไปยังเจ้าของได้รับทราบเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถจะมาพบเจ้าหน้าที่เมื่อใด หลังจากที่ได้พาสมาชิกในครอบครัวไปท่องเที่ยวต่างพื้นที่ในช่วงวันหยุดยาว
ด้าน พล.ต.ต.อนุรธ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางคดีนั้นมีความผิดหายกระทง คือ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา ห้ามมิให้ผู้ใดทำสั่งนำเข้า หรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิงเว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการเก็บรักษาดอกไม้เพลิงอันอาจเป็นอันตรายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.อาวุธ เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
“เรื่องอื่นที่อยู่การสอบสวนในรายละเอียด เช่น ผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ผู้ใดกระทำให้เกิดการระเบิดเพลิงไหม้จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ซึ่งเป็นโรงเรือน และเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย อันตราย สาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต” พล.ต.ต.อนุรุธ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี