ปลัด มท.ให้กำลังใจศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ควายไทยหนองเล็งทราย ต้นแบบการพัฒนาพื้นที่สาธารณประโยชน์และการบริหารจัดการน้ำสู่การพัฒนาพื้นที่แม่ใจอย่างยั่งยืน เน้นย้ำ กระบวนการ "ร่วมพูดคุย ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมรับประโยชน์" ของภาคีเครือข่ายจะช่วยหนุนเสริมให้พื้นที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่แห่งความยั่งยืนตลอดไป
วันนี้ (6 ส.ค.66) เวลา 11.00 น.ที่ศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ควายไทยหนองเล็งทราย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ควายไทยหนองเล็งทราย โดยได้รับเมตตาจากพระครูประยุตสีลสุนทร เจ้าคณะตำบลศรีถ้อย ร่วมกิจกรรม โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายวราพงษ์ เกียรตินิยมรุ่ง ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจ กรมที่ดิน นายรัฐพล นราดิศร รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสมพร กาญจน์นิรันดร์ ผู้ตรวจราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง ว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ โรจนโสทร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา รองศาสตราจารย์วรวรรณ โรจนไพบูลย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบำรุง สังข์ขาว นายเทวา ปัญญาบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ว่าที่ร้อยตรี กรกฎ ประเสริฐวงษ์ ปลัดจังหวัดพะเยา ว่าที่เรืออากาศตรีสมภพ โชติษฐยางกูร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพะเยา หัวหน้าส่วนราชการ นายพีรัช จันธิมา นายอำเภอแม่ใจ ภาคีเครือข่าย ร่วมลงพื้นที่
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพะเยา ร่วมเยี่ยมชมนิทรรศการและรับฟังการบรรยาย ความคืบหน้าการดำเนินโครงการศูนย์การเรียนรู้และอนุรักษ์ควายไทย เรื่องการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาพื้นที่หนองเล็งทรายตามแผนพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) การฟื้นฟูระบบนิเวศน้ำและป่า ตามศาสตร์พระราชา การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง การปลูกพืชผักสวนครัว ตามโครงการ "บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง" และ "ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน" ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากพืชผักสมุนไพรมาแปรรูปเป็นปุ๋ยและเลี้ยงสัตว์ จากนั้นร่วมกันปลูกต้นจามจุรี หรือต้นก้ามปู ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์หลายรูปแบบ ก่อนที่จะเดินเยี่ยมชมพื้นที่โดยรอบ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณและขอชื่นชมส่วนราชการ จังหวัดพะเยา รวมถึงภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ตลอดจนพี่น้องเกษตรกรศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ควายไทยหนองเล็งทรายทุกคน ที่แสดงถึงความมุ่งมั้นตั้งใจในการร่วมกันพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำสำคัญของจังหวัดพะเยาที่อำเภอแม่ใจ ซึ่งเป็นหนึ่งในอำเภอนำร่องบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน หรือ อำเภอหนึ่งใน 10 ของอำเภอ D - CAST และทีมอำเภอที่เป็นภาคีเครือข่ายการทำงานทุกคน ในการลงพื้นที่เพื่อติดตามและให้กำลังใจการขับเคลื่อนโครงการดี ๆ ในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การยกระดับให้เป็นศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ควายไทย เป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่สาธารณประโยชน์และการบริหารจัดการน้ำ สู่การพัฒนาพื้นที่แม่ใจอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายสูงสุดนั้น คือ การสนับสนุนส่งเสริมทำให้ประชาชนในชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ประยุกต์ สู่โคก หนอง นา ซึ่งที่แห่งนี้ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ เหมาะสมกับการพัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ พัฒนาทักษะ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ในการประกอบอาชีพ รวมถึงการพัฒนาคนในชุมชนให้เป็นคลังสมองของชุมชน เป็นครูคลังช่างหมอที่จะสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังหมู่บ้านชุมชนอื่นๆ ได้
"ศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ควายไทย ยังเป็นการรวมกลุ่มของคนในชุมชน ที่เสริมสร้างความเข้มแข็ง และความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชุมชน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการพัฒนาไปสู่การเป็นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ตามพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ประชาชนทุกคนรวมตัวกันเป็นคุ้มบ้าน เพื่อร่วมพูดคุย ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมรับประโยชน์ สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยและความมั่นคงทางอาหารนำไปสู่ความยั่งยืน ซึ่ง ชุมชนแห่งนี้ยังมีการประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ เป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกระบือ มีจำนวนเกือบ 1,000 ตัว ซึ่งโคกระบือเหล่านี้มีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่นอกจากจะเป็นการทำเกษตรแบบดั้งเดิม เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เป็นอาหารแล้ว สิ่งที่สำคัญต่อจากนี้ คือ การต่อยอดจากสิ่งที่มี ด้วยการที่เกษตรกรช่วยกันพัฒนาต่อยอดการเลี้ยงควายสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการเกษตร ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน อีกทั้งสามารถนำมูลวัวมูลควายมาทำเป็นปุ๋ยให้พืช พร้อมทั้งส่งเสริมการปลูกพืชผักสวนครัว และเพิ่มความหลากหลายของพืช โดยใช้ปุ๋ยมูลสัตว์เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ จึงจะเป็นเกษตรหมุนเวียนที่เป็นการฟื้นฟูอารยเกษตรแบบดั้งเดิม เน้นเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารเคมี การปลูกหญ้าแฝกเพื่ออุ้มน้ำและรักษาหน้าดิน สามารถหล่อเลี้ยงคนในชุมชน ตลอดจนการต่อยอดใช้จุดเด่นของพื้นที่ในการจัดการแข่งขันกีฬา เช่น การปั่นจักรยานวิบากที่สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการคัดแยกขยะ สามารถเปลี่ยนขยะเป็นมูลค่า ทำให้เป็นกองทุนหมู่บ้าน ที่จะทำให้ประชาชนทุกคนลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ และมีต้นทุนในการต่อยอดพัฒนาไปสู่การประกอบอาชีพที่ดี ทำให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประชาชนชาวแม่ใจมีความสุข ช่วยกันพัฒนาชุมชน ขยายผลไปทั้งจังหวัดพะเยา ช่วยกันทำให้ประเทศไทยมีความยั่งยืนต่อไป" นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าว
นายพีรัช จันธิมา นายอำเภอแม่ใจ กล่าวว่า หนองเล็งทรายเป็นที่ดินอันเป็นสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน มีเนื้อที่ 5,563 ไร่ ครอบคลุมตำบลป่าแฝก ตำบลศรีถ้อย ตำบลเจริญราษฎร์ ตำบลบ้านเหล่า และตำบลแม่ใจ อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ซึ่งที่แห่งนี้เป็นพื้นที่หนองน้ำขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากลำห้วยสายต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอแม่ใจไหลมารวมกันบริเวณนี้ จึงเป็นแหล่งทำกินสำคัญของอำเภอแม่ใจ โดยหนองเล็งทรายถือเป็นพื้นที่ต้นน้ำของกว๊านพะเยา แม่น้ำอิง และแม่น้ำโขง มีกระบือ 550 ตัว โค 327 ตัว ตามโครงการธนาคารโคกระบือเพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ต่อมาทางจังหวัดพะเยาได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ควายไทยหนองเล็งทราย เพื่อให้เกษตรกรมาใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ประกอบอาชีพ ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ จำนวน 49 ราย โดยมีกระบือ 544 ตัว และโค 344 ตัว รวม 888 ตัว ทั้งนี้ อำเภอแม่ใจมีความมุ่งมั่นที่จะขยายผลสร้างความมั่นคงทางอาหาร เป็นคลังอาหารชุมชนด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ ส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงท่องเที่ยว เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้คนในชุมชนพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ประชาชนแม่ใจมีคุณภาพชีวิตที่ดี นำไปสู่การพัฒนาทุกหมู่บ้านในแม่ใจอย่างยั่งยืน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี