กองปราบฯบุกจับ
แก๊งเสธ.ทหารเก๊
อ้างชื่อมูลนิธิดัง
ตุ๋นเงิน1.5ล้านบ.
กองปราบฯบุกรวบ 7 ผู้ต้องหา แอบอ้างเป็นเสธ.ทหาร ตุ๋นเหยื่อลงทุนโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา90 โครงการ ยึดของกลางอื้อ รวมมูลค่าเสียหาย1.5ล้านบาท เร่งขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือทันควัน
เมื่อวันที่ 10สิงหาคม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.3 บก.ป.แถลงจับกุมผู้ต้องหาแอบอ้างตัวเป็นเสธ.ทหาร หลอกลงทุนโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา ประกอบด้วย นายสมชาย นามโสม หรือผู้กองเป็ด อายุ 59ปี นายสุริยพันธ์ สัตยาพิทักษ์ หรือผู้กองจอร์จ อายุ 61ปี นายอัครวัฒน์พรหมคำน้อย หรือเสธ.หนุ่ม อายุ 59ปี นายนิพนธ์ ภูคงคา อายุ 61ปี นายประสาร แสงสว่าง หรือ เสธ.แดง อายุ 65ปี น.ส.วราภรณ์สุวรรณคำมูล อายุ 58ปี และนายสมศักดิ์ ขันทอง อายุ 51ปี รวม 7 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกงและฉ้อโกงประชาชนพร้อมของกลาง เอกสารโครงการรับเหมาก่อสร้างต่างๆ รวม 20 โครงการ กว่า 1,000 แผ่น บัญชีธนาคาร 18 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 3 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จับกุมได้ในพื้นที่ 7จังหวัด ได้แก่ จ.ชัยภูมิจ.มหาสารคามจ.ร้อยเอ็ดจ.กาฬสินธุ์จ.เชียงใหม่ จ.ลำปางและจ.สุพรรณบุรี
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2564 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากมูลนิธิชัยพัฒนา ว่ามีกลุ่มบุคคลแอบอ้างมูลนิธิฯ จัดทำโครงการแก้มลิง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 90 โครงการ หลอกลวงเงินจากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้รับเหมารายย่อยและชาวบ้าน ก่อนที่ผู้เสียหายจะทราบภายหลังว่าโครงการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 20 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท หลังจากรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสคนร้ายกลุ่มนี้ในทันที
ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่าจากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายจะอ้างตัวว่าเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ และเป็นตัวแทนจากมูลนิธิฯ กำลังจัดทำโครงการ ขุดลอกหนองน้ำเพื่อช่วยเหลือประชาชน และกำลังมีนโยบายเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมารายย่อยได้รับงาน ซึ่งแต่ละโครงการมีงบประมาณสนับสนุน 100-1,000 ล้านบาท หากใครสนใจเข้าร่วมโครงการ จะต้องจ่ายเงินค่าซื้อแบบโครงการ เริ่มต้นที่ 17,500 บาท ไปจนถึง 90,000 บาท โดยราคาขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ และงบประมาณของโครงการที่จะได้รับ
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามักจะใช้สถานที่ราชการเป็นสถานที่นัดประชุม เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งแต่ละครั้งจะมีคนที่สนใจเข้าร่วมประชุมประมาณ 50-60 คน ที่ผ่านมา พบว่ามีการนัดประชุมมาแล้วประมาณ 4 ครั้งอย่างไรก็ดี หลังจากมีการจ่ายเงินซื้อแบบโครงการ และร่วมทำสัญญาว่าจ้าง(MOU) แล้วกลุ่มผู้ต้องหาก็จะเริ่มตัดขาดการติดต่อก่อนจะเชิดเงินทั้งหมดของผู้เสียหายหลบหนีไป
ขณะที่ พ.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบผู้ร่วมกระทำผิด 10 ราย มีการแบ่งหน้าที่กันทำโดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มนายหน้าผู้ชักชวน 5 ราย คือนายสมชาย หรือผู้กองเป็ดนายสุริยพันธ์ หรือผู้กองจอร์จนายอัครวัฒน์ หรือเสธ.หนุ่มนายประสาร หรือเสธ.แดง และนายนิพนธ์ ส่วนผู้ต้องหากลุ่มที่2 ทำหน้าที่เป็นบริษัทหน้าม้า 5 ราย ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ สายพรม อายุ 58 ปีน.ส.เมตตา ขันทอง อายุ 53 ปีน.ส.วราภรณ์ อายุ 58 ปี นายสมศักดิ์ อายุ 51 ปี และนายเลิศพงศ์ ชัยวงศ์เลิศ อายุ 60ปี ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติทั้งหมด พบว่านายประสาร กับนายสุริยพันธ์ อดีตเคยรับราชการทหารจริง ส่วนที่เหลือเป็นเพียงการแอบอ้าง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7ราย คงเหลือเพียงนายกิตติศักดิ์ กับ น.ส.เมตตา ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี สำหรับนายเลิศพงศ์ นั้นถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำจากการถูกจับกุมตามความผิดในคดีอื่น
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ โดยส่วนใหญ่ซักทอดว่าเป็นการทำตามคำสั่งของนายสมชาย หรือผู้กองเป็ด โดยไม่ทราบว่าเป็นการหลอกลวงเงินจากชาวบ้าน เบื้องต้นจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี