สืบเนื่องจากมีกลุ่มมิจฉาชีพอ้างเป็นผู้รับเหมาเดินสายเคเบิลสัญญาณอินเตอร์เน็ตในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ติดต่อขอเช่าบ้านกับสองสามีภรรยา ข้าราชการครูบำนาญ ภายหลังได้สร้างละครอย่างเป็นตุเป็นตะ เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลงหนึ่ง สุดท้ายก็ขอเงินจากอดีตข้าราชการครูจำนวน 300,000 บาท แต่โชคดีที่ทั้ง 2 ไหวตัวทันจึงไม่ตกเป็นเหยื่อให้กับมิจฉาชีพกลุ่มนี้ พร้อมเขียนบันทึกด้วยลายมือถึง 6 หน้ากระดาษเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่บุคคลทั่วไปก่อนจะลงเผยแพร่ลงในสื่อโซเชียล
ล่าสุดวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอทราบรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทั้งคู่ยินดีจะเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวอย่างหมดเปลือก ทราบชื่อผู้รอดจากการถูกหลอกลวงว่า นายเทศกาล หรือครูแอ๋ว อายุ 68 ปี และภรรยานางอนันท์ หรือครูนัน อายุ 65 ปี ข้าราชการครูบำนาญ อยู่หมู่ 4 บ้านปากอูน เขตเทศบาลตำบลศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พร้อมเล่าเหตุการณ์นี้ว่าเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ตนติดป้ายประกาศมีบ้านให้เช่าอยู่ติดถนนทางหลวงสายศรีสงคราม-ท่าแร่ เยื้องด้านหลัง สภ.ศรีสงคราม
ต่อมามีชายอายุประมาณ 55-59 ปีอ้างชื่อศักดิ์ ไม่ทราบนามสกุล อาชีพรับเหมาเดินสายเคเบิลสัญญาณอินเตอร์เน็ต โดยอ้างว่าเป็นคน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ใช้รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีดำ จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ต้องการขอเช่าบ้านหลังนี้ ตกลงกันในราคาเดือนละ 7 พันบาท เงื่อนไขวางมัดจำ 6 เดือน วันทำสัญญาวางก่อน 10,000 บาท เมื่อเข้าอยู่จ่ายครบเต็ม 6 เดือน ขณะเดียวกันด้านหลังบ้านเช่าเป็นที่ดินว่างเปล่าประมาณ 2 งานเศษ นายศักดิ์ ก็ขอเช่าเพื่อจะวางอุปกรณ์ติดตั้งสายเคเบิล ทางผู้เช่าจึงคิดค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท มีเงื่อนไขเหมือนกับบ้านเช่า ซึ่งนายศักดิ์ อ้างว่าจะพาหัวหน้ามาดูสถานที่พร้อมทำสัญญาเช่า และจ่ายค่ามัดจำรวมทั้งสิ้น 79,000 บาท
ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ นายศักดิ์ เดินทางมาพร้อมกับหัวหน้าอ้างว่าชื่อนายสมชาย ไม่ทราบนามสกุล แต่งกายภูมิฐานและสวมแมสก์ตลอดเวลา แถมคุยว่าตนเองมีรีสอร์ทอยู่ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ทางสองผัวเมียเจ้าของบ้านก็พาไปดูสภาพบ้าน ซึ่งนายสมชาย ชมว่าเหมาะ พร้อมชวนคุยตีสนิทเรียกคุณพ่อ คุณแม่ทุกคำ ระหว่างนั้นมีสายโทรศัพท์เข้ามาในมือถือนายสมชาย ซึ่งนายสมชาย บอกเป็นเจ้านายใหญ่สั่งให้ไปดูที่นาจำนวน 12 ไร่ 2 งานอยู่ที่บ้านคำสะอาด หลังวางสายก็ถามสองผัวเมียว่ารู้จักบ้านคำสะอาดไหมทั้งคู่บอกรู้จักนายสมชาย จึงชวนขึ้นรถไปด้วย แม้ทั้งสองผัวเมียจะขอขับรถตามไป นายสมชาย ก็คะยั้นคะยอให้ไปคันรถเดียวกัน โดยมีนายศักดิ์ เป็นคนขับ
ปรากฏว่าเส้นทางที่ไปคนละเส้นกับทางไปบ้านคำสะอาด ครูแอ๋ว ผู้เป็นสามีเริ่มเอะใจ จึงถามว่าจะไปบ้านไหนกันแน่ เพราะบ้านคำสะอาดต้องตรงไป แต่นี่กำลังเลี้ยวออกไปเส้นบ้านนาพระชัย ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม นายสมชาย ยืนยันว่าเป็นเส้นทางนี้เมื่อไปถึงบ้านหนองบาท้าว ต.ศรีสงคราม รถจอดตรงป้ายบอกทางไปบ้านคำสะอาด นายสมชาย จึงบอกนี่ไงบ้านคำสะอาด ครูแอ๋วจึงบอกเป็นป้ายบอกทาง ที่จริงบ้านนี้คือบ้านหนองบาท้าว
จากนั้นนายสมชาย บอกนายศักดิ์ ลูกน้องว่า ถามหาคนเป็นนายหน้าขายที่ดินชื่อลุงจันทร์ ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมถนนพอดี จึงลดกระจกรถถามหาลุงจันทร์ ชายดังกล่าวบอกลุงจันทร์ ป่วยโรคตับ รักษาตัวอยู่ รพ.นครพนม แต่เมื่อถามหาคนชื่อมงคล เจ้าของที่นา ชายคนนั้นตอบทันควันว่า ก็ตนนี่แหละชื่อมงคล ต่อจากนั้นก็เดินขึ้นมาบนรถพาทั้งหมดไปดูที่นาที่จะขาย อยู่ติดถนนสายดังกล่าวในราคาไร่ละ 600,000 บาทรวม 12 ไร่ 2 งาน ส่วนใครจะเอาไปขายต่อเท่าไหร่ก็ไม่สนใจ
นายมงคล อ้างต่อว่า ตอนนี้ตนเอาที่นาไปจำนองนายทุนร้านทองอยู่ อ.บ้านแพง ตอนนี้รอลูกชายมารับเพื่อเอาเงินจำนวน 1 แสนบาทไปจ่ายค่าดอก ขณะเดียวกันนายมงคล กวักมือเรียกครูนัน ไปคุยที่ท้ายรถกระบะสองต่อสอง บอกว่าถ้าครูเชียร์ให้เขาซื้อที่ดินแปลงนี้ได้จะจ่ายค่าแนะนำ 200,000 บาท แต่ห้ามบอกใครนะ ก่อนนายศักดิ์ จะกลับรถพานายมงคล ลงที่จุดเดิม ระหว่างนั้นเองคนที่อ้างเป็นนายใหญ่ได้โทรหานายสมชาย ว่าขณะนี้จอดรถรออยู่บริเวณสามแยกไฟแดง บ้านปฏิรูป ต.ศรีสงคราม ให้รีบมาเอาเงินมัดจำค่าที่นาจำนวน 400,000 บาท เมื่อไปถึงชายที่อ้างเป็นเจ้านายก็ขึ้นมานั่งบนรถ แล้วหยิบเงินในถุงกระดาษ เป็นปึ๊งใหม่ๆ ยื่นให้นายสมชาย ต่อหน้าสองคนผัวเมีย พร้อมกำชับจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในวันนี้แล้วก็ลงจากรถไปขึ้นรถเก๋งขับออกไป
นายสมชาย ได้โทรหานายมงคล ถามลูกชายมารับหรือยังปลายสายตอบลูกชายรถยางรั่วยังอยู่ที่เดิม ทั้งหมดจึงกลับไปรับนายมงคล อีกครั้ง คราวนี้ก็คุยกันในรถว่าไม่ต้องไปต่อดอก เพราะเจ้านายสั่งให้จัดการให้เรียบร้อยภายในวันนี้ เรามารวบรวมเงินกันไปไถ่ที่นาจากนายทุนดีกว่า โดยนายสมชาย เรียกสองผัวเมียลงไปคุยข้างรถว่า ถ้าซื้อที่นาแปลงนี้สำเร็จจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ 500,000 บาท
ดังนั้น การลงขันไถ่ที่นาที่นายมงคล อ้างจำนำกับนายทุน รวมต้นและดอกเป็นเงิน 2,200,000 บาท มีดังนี้ 1.นายมงคล 1 แสนบาท 2.นายศักดิ์ 3 แสนบาท 3.เงินที่เจ้านายให้ 4 แสนบาท และ 4.เงินที่นายสมชายอ้างอีกเกือบ 1 ล้าน แต่ยังขาดอยู่ 3 แสนบาท จึงหันมาถามสองคนผัวเมียว่ามีให้ยืมก่อนได้ไหม 3 แสน โดยจะให้ดอกเบี้ยร้อยละ 10 แต่ทั้งสองเอะใจมาตั้งแต่แรก จึงยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่มีเงิน กลุ่มนายสมชาย เห็นว่าไม่ได้แน่จึงพาทั้งสองกลับมาส่งที่บ้านเช่า แล้วบอกว่าตอนเย็นวันเดียวกันจะมาทำสัญญาวางมัดจำค่าเช่าบ้าน ในที่สุดก็เงียบหายไป โทรศัพท์ไปก็เป็นการฝากหมายเลข จึงเชื่อว่าเป็นแก๊งมิจฉาชีพแน่นอน
นอกจากนี้ ระหว่างอยู่บนรถ ครูนัน เล่าว่านายสมชาย อ้างรัฐบาลมีโครงการจ่ายเบี้ยยังชีพอดีตข้าราชการบำนาญ เดือนละ 800 บาท แต่มีข้อแม้ว่าต้องมีเงินอยู่ในบัญชีไม่เกิน 1 แสนบาท หากสองคนผัวเมียมีเงินเกิน ให้โอนเข้ามาในบัญชีตนก่อน แล้วจะดำเนินเรื่องทั้งหมดให้ แต่ทั้งคู่ไม่หลงกลจึงตอบว่าจำหมายเลขบัญชีไม่ได้
ทั้งนี้ ครูแอ๋ว และครูนันข้าราชการบำนาญ กล่าวว่า การที่ออกมาแฉพฤติการณ์ของแก๊งนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์อย่าให้ใครหลงตกเป็นเหยื่อ ด้วยการตัดความโลภออก ซึ่งระหว่างอยู่บนรถก็สะกิดกันตลอด เพราะไม่ชอบมาพากลแล้ว และจากนั้นทั้งหมดก็หายไปเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เพื่อความกระจ่างชัดกับเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเดินทางไปบ้านหนองบาท้าว บริเวณทุ่งนาที่นายมงคล อ้างเป็นที่ดินของตนนั้น ปรากฏว่าที่นาแปลงดังกล่าวถูกอุปโลกน์ขึ้นมาเพราะได้พบกับเจ้าของที่นาตัวจริงคือ นายทวี อายุ 72 ปี อยู่หมู่ 2 บ้านหนองบาท้าว ต.ศรีสงคราม มีนางกาญจนา อายุ 62 ปี ภรรยา เปิดเผยว่าที่นานี้มีทั้งหมด 16 ไร่ และไม่เคยประกาศขาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีมิจฉาชีพนำไปแอบอ้าง เมื่อถามถึงลุงจันทร์ นางกาญจนา ตอบว่ามีตัวตนจริง แต่เสียชีวิตไปเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ส่วนคนชื่อมงคล ในหมู่บ้านไม่มีแน่นอน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี