‘อัยการปราบปรามทุจริตฯภาค 9 โชว์ผลงานเจ๋งฟ้องจนท.การเงินสาว สำนักงานบังคับคดี จ.ปัตตานี ทุจริตปลอมลายมือชื่อ ผอ.ในเช็ค 18 ครั้ง 3.8 ล้านโอนเข้ากระเป๋าตัวเอง จนศาลสั่งจำคุก 90 ปี ใช้ค่าเสียหาย 2.2ล้าน
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.66 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 เจ้าของสำนวนคดีว่า เมื่อช่วงกลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมาศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค 9 จ.สงขลา ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นางจิรนันท์ แก้วคำหรือนางเมษยา ชูสงค์ หรือนางเมธาวี คีตะเมธา ชูสงค์ เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 สำนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี จ.ปัตตานี กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงิน ทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย คิดยอดหนี้คิด ค่าธรรมเนียม ถอนการยึด เบิกจ่ายเงินในคดี เงินนอกงบประมาณ รับเงิน ออกใบเสร็จ เบิกจ่ายเงิน งบประมาณและสั่งจ่ายเช็คของผู้เสียหาย ตามระเบียบและตามข้อกำหนดที่ผู้เสียหายทำไว้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาปัตตานี โดยมีนายมโหสถ รามรังสฤษฎ์ ผอ.สำนักงานบังคับคดี จ.ปัตตานีเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจลงรายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของผู้เสียหายร่วมกับจำเลย และจำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูเเลรักษา เช็คและเงินงบประมาณตามเช็คของผู้เสียหายตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งของทางราชการ
โดยเมื่อระหว่างวันที่ 18 มี.ค.47-27 เม.ย.49 จำเลยได้กระทำผิดทุจริต ต่อหน้าที่ ด้วยการปลอมลายมือชื่อนายมโหสถ ผอ.สำนักงานบังคับคดี ผู้เสียหายและร่วมลงลายมือชื่อของจำเลยในเช็คธนาคารดังกล่าวแล้วเบิกเงินออกจากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหาย18 ครั้ง เป็นของตนเองโดยทุจริต รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,805,391 บาท เหตุเกิดที่ต.รูสะมิแล และต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93,147 และให้จำเลยคืนเงิน 2,805,391 บาทคืนผู้เสียหายด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลย เป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 สำนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี จ.ปัตตานีกระทรวงยุติธรรม ผู้เสียหาย อันเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงินและสั่งจ่ายเช็ค ของผู้เสียหาย ตามระเบียบและข้อกำหนดที่ผู้เสียหายได้ทำไว้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมารับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือ เป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย การกระทำของจำเลยจึงเป็น ความผิดตามฟ้อง ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนเงิน 2,805,391 บาท แก่ผู้เสียหายนั้น ข้อเท็จจริง ได้ความตามทางไต่สวนจากคำเบิกความของนายมโหสถ ผู้เสียหาย โเยจำเลยได้ชำระหนี้คืนให้แก่ ผู้เสียหายแล้วเป็นเงิน 561,078บาท เมื่อนำมาหักออกจากเงินจำนวนดังกล่าวแล้วจึงคงเหลือยอดค้างชำระ 2,244,313บาท
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91จำคุกกระทงละ 5ปี รวม 18กระทง เป็นจำคุก 90ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ให้จำเลยคืนเงิน 2,244,313 บาท แก่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรมผู้เสียหายด้วย.
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี