วันนี้ (30 ส.ค.66) เมื่อเวลา 10.20 น. พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วยนางจตุพร ชมเชิงแพทย์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ได้เดินทางไปเยี่ยมอำลาหน่วย ในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 3 ในโอกาสเกษียณอายุราชการ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยมี พลเรือโท อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรง และหน่วยขึ้นการบังคับบัญชาทางยุทธการ ทัพเรือภาคที่ 3 ร่วมให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ พร้อมทั้งมอบโอวาทแก่กำลังพล โดยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชมกำลังพลทัพเรือภาคที่ 3 ทุกนาย ที่ได้ทำภารกิจของหน่วยกำลังรบในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ซึ่งนับได้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติ การเสริมสร้างความมั่นคง และการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจที่ได้รับมอบจากรัฐบาล จนทำให้กองทัพเรือเป็นที่ยอมรับและศรัทธาของพี่น้องประชาชน รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบมาโดยตลอด และขอให้กำลังพลทุกนายตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ดังเช่นที่ผ่านมา ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความวิริยะอุตสาหะ ถือประโยชน์ของกองทัพเรือเป็นที่ตั้ง เพื่อร่วมกันเสริมสร้างและพัฒนากองทัพเรือให้มีความเจริญก้าวหน้าและมั่นคงสืบไป รวมทั้งได้กล่าวอำลาในโอกาสเกษียณอายุราชการ
ทั้งนี้ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ลำดับที่ 56 ของกองทัพเรือ เคยไปดำรงตำแหน่งที่สำคัญหลายตำแหน่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 โดยขณะดำรงตำแหน่ง ได้ดำเนินการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจสกัดกั้นผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 จังหวัดระนอง เพื่อป้องกันและสกัดกั้นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่่รับผิดชอบทางทะเล สามารถป้องกันและจับกุมผู้ลักลอบเข้าประเทศโดยไม่ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 และเหตุไม่สงบภายในประเทศเมียนมา รวมถึงได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้
โดยศููนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 จังหวัดสตูล เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทางทะเลทุกรูปแบบ ตรวจสอบการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองทางทะเลโดยผิดกฎหมาย ที่่อาจนำพาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้ามาภายในประเทศ การอำนวยความสะดวกและให้้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ได้อำนวยการและสั่งการกำลังเจ้าหน้าที่่ในการป้องกันและปราบปราม การกระทำผิดกฎหมาย การลักลอบขนสินค้าและยาเสพติด ที่เข้าประเทศทางทะเล โดยเมื่่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ได้อำนวยการจับกุมยาเสพติดประเภทเฮโรอีนและไอซ์ น้ำหนักรวมกว่า 800 กิโลกรัม ในพื้นที่่ชายแดนทางทะเลไทยมาเลเซีย จังหวัดสตูล คิดเป็นมูลค่าภายในประเทศมากกว่า 500 ล้านบาท เป็นการจับครั้งใหญ่ที่สุดด้านฝั่งทะเลอันดามัน และเมื่่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ได้อำนวยการจับกุมขบวนการลักลอบขนบุหรี่่หลีกเลี่ยงภาษี ในพื้นที่่จังหวัดตรัง คิดเป็นเงินค่าปรับมากกว่า 600 ล้านบาท และจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจควบคุมเรือสำราญและกีฬา ที่่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรด้านฝั่งทะเลอันดามันเพื่่อการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต และสนับสนุนการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลและจังหวัดภูเก็ต ตามโครงการ Phuket Sandbox
โดยตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก เชิงชายฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายหลัก 9 ด้าน โดยมุ่งเน้นนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือท่านที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงของกองทัพเรือ และเพื่อให้กำลังพลทุกนายได้ร่วมแรงร่วมใจขับเคลื่อนนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของกองทัพเรือที่กำหนดไว้ คือเป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาค และเป็นเลิศในการบริหารจัดการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี