nn เรื่องการเรียกเก็บเงินค่าจอดรถในโรงพยาบาลกลาง กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งถ้ามองในแง่ความถูกต้องสมเหตุสมผลที่กระทำเช่นนั้น ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลย ไม่มีอะไรที่สอดคล้องกับข้อกฎหมาย หรือกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ เพราะเป็นโรงพยาบาลที่จัดตั้งขึ้นมาด้วยเงินภาษีประชาชน เมื่อจัดตั้งด้วยเงินภาษีประชาชน และประชาชนไปใช้บริการหรือไปรับการรักษาขณะเจ็บป่วย และคนป่วยนำรถไปจอด หรือญาติคนป่วยไข้นำรถไปจอดเพื่อเฝ้าไข้เยี่ยมไข้ แล้วโรงพยาบาลเรียกเก็บเงินที่จอดรถย่อมไม่ถูกต้อง ถ้าโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นของเอกชนสามารถกระทำได้ เพราะเขาใช้เงินของเขาลงทุน และเขาก็ต้องการกำไรกลับคืน แต่นี่เป็นโรงพยาบาลที่ใช้เงินภาษีประชาชนก่อสร้าง ไม่ใช่กิจการค้าเพื่อหวังกำไร การจัดเก็บหรือเรียกรับเงินค่าจอดรถจึงผิดวิสัย โรงพยาบาลมี ผอ.โรงพยาบาลรับผิดชอบดังนั้นจึงมีคำถามว่าแล้ว ผอ.โรงพยาบาลจะปล่อยให้มีกลิ่นเน่าๆอยู่เช่นนี้ต่อไปหรืออย่างไร ที่สำคัญหากไล่เลียงไปถึงตัวบทกฎหมายก็อาจจะเข้าข่ายมาตรา 157 คือการละเว้นปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ ยิ่งกว่านั้นงานนี้ก็เชื่อมโยงไปถึงคนซึ่งรับผิดชอบหลัก ถือว่าเป็นตัวจักรสำคัญ คือ ผู้ว่าฯกทม. และการนำเอาที่จอดรถซึ่งก่อสร้างด้วยเงินภาษีประชาชนไปเรียกรับหรือเก็บเงินชนิดหน้าใสๆ ถ้าผิดก็ผิดนับต่อเนื่องมาตั้งแต่ผู้บริหารชุดก่อนๆ ที่รับผิดชอบและวางเฉย...

nn อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงผู้บริหารชุดนี้ และมีประชาชนร้องเรียน โดยผู้บริหารทราบว่ามีประชาชนร้องทุกข์ หรือทราบว่ามีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่ยังหูหนวกตาบอดอยู่ก็เข้าข่ายผิดกฎหมายได้เช่นกัน เนื่องจากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ...

nn การเก็บค่าจอดรถในโรงพยาบาลกลางที่ผ่านมามีการร้องเรียนตลอดเวลา แม้แต่อาคาร 6 ชั้น ที่สุดประหลาดทุกวันทุกคืนไม่เว้นเสาร์อาทิตย์จะมีรถจอดเต็มเหมือนมีการแลกรับประโยชน์อะไรกันบางอย่าง ที่ว่างก็ไม่ยอมให้ใครจอดนอกจากพวกตัวเอง ก่อนหน้าประชาชนสามารถจอดได้ แต่ช่วงหลังถูกไล่ให้ไปจอดในจุดที่เสียเงิน อ้างว่าอาคาร 6 ชั้น เป็นที่จอดรถเจ้าหน้าที่ แต่พอมีที่ว่างก็ไม่ให้คนป่วยหรือญาติคนป่วยหยุดจอด มันเกิดอะไรขึ้นกับโรงพยาบาลกลางโรงพยาบาลนี้ไกลปืนเที่ยงหรืออย่างไร...

nn อีกเรื่องคือการรักษา ยอมรับว่าวิธีการรักษาของแพทย์ละเอียดมากดูดี น่าชื่นชม แต่การไปพบแพทย์แล้วต้องซักประวัติจ่ายเงินก่อน ตรงนี้แปลก หรือกรณีการนัดคนไข้เข้าห้องพักแล้วจ่ายเงินตามระเบียบก่อน 100 บาท มีการถามกันว่าระเบียนอะไร หรือคนเจ็บไข้ไปรักษา(ผ่าตัด)แล้วแพทย์นัดตัดไหม ก่อนพบแพทย์จ่ายเงิน 100 หลังจากนั้นก็เรียกเก็บอีก 100 มันคืออะไร เจ้าหน้าที่บอกเพียงสั้นๆ ว่าเป็นระเบียบ...

nn เงิน 100 บาทไม่มาก แต่คนไข้ที่ถูกเรียกเก็บตามระเบียบยืนนั่งตาดำๆอยู่มีเพียบทุกวัน ดังนั้นเงินจำนวน 100 บาทต่อคน เมื่อรวมกันแล้วจึงมีจำนวนมากจนน่าเกลียดทีเดียว(นี่เป็นโรงพยาบาล กทม.) อันซึ่งไม่ควรกระทำ คนป่วยส่วนใหญ่ที่เข้าโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาล กทม.ไม่ใช่คนรวย แล้วจะขูดเลือดกันไปถึงไหน เรื่องนี้ผู้บริหารชุดนี้ก็ควรตรวจสอบ การปล่อยเอาไว้ย่อมไม่เกิดผลดียิ่งผู้ว่าฯชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เน้นถึงความโปร่งใสสุดๆทุกมิติ ประกาศไม่เอาอาจมมาปนเปื้อน เรื่องดังกล่าวจึงต้องสังคายนา (ยกเว้นโรงพยาบาลเอกชนที่เขาทำธุรกิจ แพทย์พยาบาลรับเงินเดือนจากผู้ประกอบการ)...

nn ปิดท้ายด้วยประเด็นฉาวคาวเหม็นหึ่ง เกี่ยวกับการตัดเงินตัดงบศูนย์ฝึกอาชีพ “สวนลุมพินี” เส้นเลือดฝอยของผู้ว่าฯกทม.โดย สก.ที่อคติศูนย์ฝึกอาชีพเป็นการส่วนตัว อ้างว่ามีมาเฟียไปเรียกรับเงินจากวิทยากร น่าขำไม่มีวิทยากรคนไหนทำตัวโง่เหมือนใครบางคนที่อวดฉลาด (เสียงวิพากษ์วิจารณ์ข้าราชการกทม.) ถ้าเป็นเช่นนั้นวิทยากรเขาตั้งคำถามกลับว่าสมมุติมีมาเฟียในสภา กทม. ทางแก้จะต้องล้างหรือหยุดสก.ทั้งหมดใช่หรือไม่ ดังนั้นถ้าศูนย์ฝึกอาชีพมีสิ่งเลวร้ายแบบนี้จริง นิ้วไหนร้ายจะต้องตัดนิ้วนั้นทิ้ง วลีคำพูดนี้ก็มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดกับ “ไผ่ฎำ” ด้วยอาการหัวเสียเช่นกัน...

nn วันนี้ประชาชนจะสมัครฝึกอาชีพเดือดร้อนสมัครไม่ได้ เรียนไม่ได้ วิทยากรน้ำดีตั้งใจทำงานทั้งหลายนับเนื่องมา 40 กว่าปี พวกเขาเดือดร้อน ท่านผู้ว่าฯชัชชาติ ว่าอย่างไร เมื่อเส้นเลือดฝอยที่ท่านตอกย้ำไปทั่วถูก สก.บางคนท้าทายโละลงกระโถนสิ้น...nn

ไผ่ฎำ