ครูมหาสารคาม หนุน นโยบาย แจก “แท็บเลต” ให้นักเรียน แต่ควรเป็นรูปแบบให้ยืมเรียน ไม่ควรให้นำกลับบ้าน เกรงเด็กนำไปใช้เล่นเกม หรือใช้ไม่เหมาะสม ขณะที่ “ดร.เอ้” ติง รมว.ศึกษาฯ เตรียมพร้อมระบบ-บุคลากรก่อนดำเนินการ หวั่นได้ไม่คุ้มเสีย
กรณีพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ มอบนโยบายการศึกษาและแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” โดยมีนโยบายลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาเรียนฟรีมีงานทำ ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หรือนโยบาย 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนคุณภาพ
เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่โรงเรียนโคกก่อพิทยาคม ต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม นางกัญญา นันตะนะ ครูวิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนโคกก่อพิทยาคมให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ก่อนหน้านี้ช่วงโควิด-19 โรงเรียนจัดซื้อแท็บเล็ตเพื่อให้นักเรียนเอาไว้เรียนออนไลน์ แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัด ทำให้ได้สเปกไม่สูง จนปัจจุบันทั้งหมดใช้งานไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็มีเพียงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไว้ใช้ในการเรียนการสอน
ทั้งนี้ หลังรัฐมนตรีมอบนโยบายการแจกแท็บเล็ตให้นักเรียน ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยอย่างมาก เพราะหากเด็กๆมีแท็บเล็ตทุกคน จะช่วยเรื่องของการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็คงต้องเป็นในรูปแบบยืมเรียน ไม่ให้เอากลับบ้าน เพราะเกรงว่านักเรียนอาจนำไปใช้เล่นเกม หรือนำไปใช้ในแนวทางที่ไม่เหมาะสม เป็นการลดภาระให้ผู้ปกครอง ไม่ต้องซื้อแท็บเล็ตให้ ไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าอินเทอร์เน็ต แต่ทั้งนี้หากมีแท็บเล็ตแล้ว เรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ต้องมีพร้อมด้วย เพื่อที่จะได้เรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
ด้านศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังและประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และอดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นในประเด็นว่า “แท็บเล็ต เด็กไทยได้หรือเสีย” ขอให้รอฟังความคืบหน้ารายละเอียดก่อน เรื่องการแจกแท็บเล็ต แม้การใช้เทคโนโลยีนั้นดี แต่ผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ อาจเป็นคนละเรื่อง ตนเป็นห่วงในฐานะคนรักการศึกษา คนรักเทคโนโลยี และคุณพ่อที่มีลูกในวัยเรียน
ศ.ดร.สุชัชวีร์ยังตั้งข้อสังเกตไว้ 3 เรื่องก่อนแจกแท็บเล็ตว่า ไม่ใช่ของดีสำหรับเด็กทุกวัย โดยเฉพาะเด็กเล็ก อาจส่งผลลบด้านพัฒนาการ ทั้งด้านสายตา ด้านทักษะการใช้กล้ามเนื้อ และทักษะการสื่อสารทางสังคม ดังนั้น ต้องให้แน่ชัดว่า เด็กไทยวัยใดพร้อมใช้งานแท็บเล็ต มิเช่นนั้นอาจเกิดผลกระทบได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้ แท็บเล็ตมีแล้วจะเรียนได้เรียนดี หากครูและผู้ปกครองยังไม่เข้าใจกระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริง อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่ปัจจัยหลักเพื่อการเรียนรู้ ครูและพ่อแม่สำคัญที่สุด ต้องรู้จักใช้เครื่องมือนี้ ถึงจะสอนเด็กได้ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมของครู และผู้ปกครองจำเป็นที่สุด
ศ.ดร.สุชัชวีร์กล่าวต่อว่า แท็บเล็ต อาจมีผลกระทบด้านพฤติกรรมในเด็กทุกวัย ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออารมณ์ สร้างปัญหาทั้งเรื่องสมาธิสั้น ทั้งความฉุนเฉียว ใจร้อน หรือนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ จึงต้องเตรียมความพร้อมดูแลผลกระทบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี