วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
จัดเตรียมรถเปิดทางหนี
วงจรปิดโต๊ะจีน
มัด‘ไอ้หน่อง-กำนันนก’
ผบช.ก.มั่นใจในหลักฐาน
เอาผิดโทษประหารชีวิต
ปปง.ลงพื้นที่อายัดทรัพย์
“บิ๊กโจ๊ก” เปิดภาพวงจรปิดคืนสังหารในงานปาร์ตี้บ้าน “กำนันนก” พบ ตร.แค่ 5 นายเท่านั้นที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่เหลือให้การเท็จ เผยตำรวจผู้ใหญ่พกปืนไปด้วย แต่พอเกิดเรื่องกลับเผ่นแน่บหมด เลขาปปง.เล็งยึดทรัพย์ ผบช.ก.เผยไม่กังวลเรื่องกล้องวงจรปิด มั่นใจหลักฐานแน่นหนาเพียงพอเอาผิด “กำนันนก” ให้ต้องโทษประหาร ฐานเป็นผู้บงการได้ เตรียมขุดรากถอนโคนอิทธิพลนครปฐมให้สิ้นซาก
ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 15 ก.ย.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขจัดพาล รอง ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าการสอบปากคำและการกู้ไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ยิงพ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ “สารวัตรศิว”ภายในงานเลี้ยงบ้าน “กำนันนก” จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ พล.ต.สุรเชษฐ์ ได้เปิดภาพวงจรปิดบางส่วนในงานเลี้ยง หลังเกิดเหตุยิง”สารวัตรศิว” โดยภาพบางส่วนชี้ว่า มีตำรวจเพียง 5 นายเท่านั้นที่เข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ นอกจากนั้นไม่ได้ให้การช่วยเหลือแต่อย่างใด แม้ก่อนหน้านี้จะอ้างว่าได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ถือว่าให้การเท็จ และต้องถูกดำเนินคดี
เสียงปืนดังตำรวจเผ่น
ส่วนเรื่องกล้อง ที่เหลืออีก 2 ตัวใน 15 ตัว ที่คาดว่ามีมุมกล้องที่จะยืนยันเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนขณะเกิดเหตุ ปรากฏว่ากล้องตัวหนึ่งไม่ได้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนอีกตัวเป็นกล้องที่ กำนันนกได้ปิดสวิตช์ไปตั้งแต่เวลา 10.16 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งนี้ ภาพวงจรปิดส่วนใหญ่จะบ่งชี้ในประเด็นเรื่องของผู้ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ กับผู้ที่พกปืนเข้าไปในงานเลี้ยงทั้งตำรวจและพลเรือน โดยเฉพาะตำรวจผู้ใหญ่พอเกิดเรื่องเผ่นหนีหมด ไม่ได้เข้าไปช่วยเลย
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงข่าวโดยมีการอธิบายควบคู่ไปกับการเปิดภาพกล้องวงจรปิดด้วย ว่า จะเห็นว่ามีตำรวจ 5 นายให้การช่วยเหลือ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว คือดต.สราวุธ ดต.ชนาณัฐ จสต.ทศพล แซ่อึ้ง จสต.เมทิศกร พันธ์ศรีจันทร์ ช่วยกันนำรถนำมาเพื่อนำพ.ต.ต.ศิวกร ที่เดินมาแล้วล้มลง พ.ต.ต.ณรงค์ เข้าไปช่วยและขึ้น ไปนั่งคู่พ.ต.ต.ศิวกร ตอนหลังกระบะ แต่ในภาพกล้องวงจรปิดไม่ปรากฏภาพของผู้กำกับ สน.พญาไท แต่อย่างใด
เตรียมปืนพร้อมสังหาร
โดยภาพในวันเกิดเหตุ จากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นนายต๋องนำปืนซิกซาวเวอร์ มาส่งให้นายเด้ง นำเข้าไปในบ้านกำนัน และก็จะเห็น นายหน่อง พกปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกง เบื้องต้นคิดว่าลูกน้องของกำนันรู้ว่าสารวัตรศิวกรไม่ถูกกับกำนันจึงได้มีการเตรียมปืนมาไว้ ส่วนตำรวจที่ให้ข้อมูลว่าไม่ได้มีการพกปืนนั้นไม่เป็นความจริงเพราะจากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นว่า ก็มีตำรวจไม่ใส่เสื้อเหน็บปืนที่เอวด้านหลัง และตำรวจแต่งกายเครื่องแบบครึ่งท่อน 1 คน ที่พกปืนเช่นกัน
ส่วนกล้อง 2 ตัวที่เข้าใจว่ามีผู้ทำให้เสียหายดึงปลั๊ก หรือตัดสายนั้น ปรากฏว่า 1 ตัวได้ปิดตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม และอีก 1 ตัวกำนันนก ได้ทำการปิดสวิตซ์ กล้องวงจรปิด เมื่อเวลา 10.16 น. วันเกิดเหตุ ซึ่งกล้องทั้ง 2 ตัวเป็นกล้องที่ส่องลงมายังโต๊ะกลาง ทั้งนี้คาดว่าที่กำนันนกปิด อาจจะเนื่องมาจากเป็นโต๊ะที่มีนายตำรวจ ระดับใหญ่นั่งกันอยู่ เพื่อไม่ให้เห็นว่ามีใครบ้าง แล้วเวลากินเหล้าก็กินกันหนักถอดเสื้อกระโดดน้ำ
ต่อข้อถามว่าอาจมีการตระเตรียม การไว้ก่อนนั้น พล.ต.สุรเชษฐ์ อธิบายว่า จากภาพในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าเหมือนรู้ว่าวันนี้อาจมีเรื่อง และก่อนที่จะเกิดเหตุยิงกันได้มีการเคลียร์เอาคนแก่ออกไปก่อนแลจัดเตรียมรถเพื่อเปิดทางหนี ส่วนกำนันนกได้ออกมาคุยกับนายหน่องก่อนที่จะมีการยิง พ.ต.ต.ศิวกร ดังนั้น จากพยานหลักฐาน ไม่รอด
ปฎิบัติหน้าที่เคร่งคัด
สำหรับสาเหตุ มาจากประเด็นหลักพ.ต.ต.ศิวกร เป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดตั้งแต่มาทำหน้าที่สว.ทล.ขณะที่กำนันนกประกอบธุรกิจรถบรรทุกจำนวน ร้อยคัน เพิ่งได้รับผลกระทบ บรรทุกน้ำหนักเกินไม่ได้ เป็นความขัดแย้งเรื้อรังกันมา นอกจากนี้มีพยานในงาน บอกว่าขอให้ลูกน้องทำงานย้ายไปสายงาน จย.สายตรวจไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้ลุแก่อำนาจสั่งยิง
พล.ต.อ.เอกสุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีการเบลอภาพบุคคลในกล้องวงจรปิด ซึ่งจะมีภาพของแสงไฟที่มากระทบ แต่ก็ได้มีการไล่ดูทุกคนแล้วว่าใครเป็นใครบ้าง อะไรก็ตามไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ลึกลงไป เพราะจะมีผลต่อการทำงานยากในการทำสำนวนของตำรวจ เพราะจะเป็นข้อมูลทนายอีกฝ่าย
“โดยที่โดยผู้ที่มาในงานเกิน 50% รู้ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง กำนันนกกับพ.ต.ตศิวกร และหลังเกิดเหตุนายตำรวจใหญ่ต่างเผ่นหนีกันแน่บหมด ที่บอกว่าไปช่วยเขาก็ไม่ได้ช่วย เป็นเรื่องที่ย่ำแย่มาก สรุปว่าตอนนี้มีข้อมูลหลักฐานที่จะเอาผิดกำนันนกได้อย่างแน่นอน”รอง ผบ.ตร.กล่าว
ปปง.รุดสอบคดีฟอกเงิน
นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. บอกว่าในส่วนของ ปปง. เข้ามาตรวจสอบเรื่องกำนันนก 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การสนับสนุนข้อมูลเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามรายงานธุรกรรมการเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ และส่วนที่ 2 คือ หากตรวจสอบพบความผิดอาญาที่เข้าข่ายการกระทำความผิดมูลฐานกฎหมายฟอกเงิน ปปง. จะเข้าไปตรวจสอบว่ามีส่วนใดที่เข้าข่ายเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการฟอกเงิน และจะนำเข้าสู่กระบวนการอายัดทรัพย์สินต่อไป
คดีกำนันนก ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยมอบหมายให้นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ร่วมเป็นคณะทำงาน และจะมีการประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ป.ป.ท. และดีเอสไอ ในวันที่ 19 กันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อหาฮั้วประมูล ยังไม่เข้าข่ายความผิดตามมูลฐานกฎหมายฟอกเงิน จะเป็นก็ต่อเมื่อกำนันนก หรือกลุ่มเครือข่ายไปเกี่ยวข้องกับความผิดใดความผิดหนึ่งใน 28 มูลฐานความผิดกฎหมายฟอกเงิน
สำหรับ 28 มูลฐานความผิด เช่น ฉ้อโกงประชาชน กรรโชก รีดเอาทรัพย์ หลบหนีศุลกากร การพนัน หน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ อั้งยี่ ความผิดเกี่ยวกับอาวุธ
ชี้โทษประหารกำนันนก
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากราชการต่างประเทศถึงความคืบหน้า คดี นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ “ นันนก” ว่า แม้ตัว นายประวีณ ปัจจุบัน จะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ แต่แนวทางสืบสวนก็ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเอาผิดนายประวีณ ให้ได้มากที่สุด เพราะการกระทำของนายประวีณ กับ ลูกน้องนั้นถือว่าอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีกล้องวงจรปิดที่ยังกู้ได้ไม่ครบนั้น ยืนยันว่าไม่ได้หนักใจแต่อย่างใด เพราะจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ ก็ถือว่าแน่นหนาพอที่จะบ่งชี้ได้ว่า นายประวีณ คือผู้สั่งการให้ นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.กก.2 บก.ทล. ได้ โดยเฉพาะคำให้การของพยานผู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ พยานแวดล้อม ที่มาที่ไปของอาวุธปืน พฤติกรรมการทำลายหลักฐาน หรือ เจตนาของผู้ก่อเหตุ รวมไปถึงมูลเหตุแรงจูงใจ และพยานอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญทางคดี ที่สามารถทำให้นายประวีณ ต้องได้รับโทษสูงสุด คือ “ประหารชีวิต” ได้
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วย นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ชุดคลี่คลายคดีเร่งขยายผลตรวจสอบเครือข่ายธุรกิจของ นายประวีณ อย่างละเอียด ทุกกิจการ ว่า เกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างต่างๆ หรือ เสียภาษีถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ รวมไปถึงตรวจสอบทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร ซึ่งขณะนี้พอมีข้อมูลพยานหลักฐานบ้างแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบหรือขยายผลอีกสักระยะเพื่อข้อเท็จจริงกระจ่างชัด
มีรายงานด้วยว่า พล.ต.ท.จิรภพ ได้เตรียมที่จะลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมกองกำกับการตำรวจทางหลวง 2 จังหวัดนครปฐม เพื่อให้กำลังใจตำรวจ นอกจากนี้ยังให้ตำรวจสอบสวนกลางรวบรวมหลักฐานและรายละเอียดเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนครปฐมทั้งหมด เพื่อเตรียมเปิดปฏิบัติการปราบอิทธิพลแบบถอนรากถอนโคน โดยอาจจะร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี