22 กันยายน 2566 สืบเนื่อง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 16.00 น. พ.ต.ท.ประทีป เพิ่มพูน สารวัตรสอบสวน สภ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ได้รับแจ้งจากนายเกษม อุปสุ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านท่าเรือ ต.โพนสวรรค์ ว่าพบศพผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณกอไผ่ท้ายหมู่บ้าน ริมถนนลูกรังทางไปนา เชื่อมระหว่างหมู่บ้านท่าเรือกับบ้านวังหมากเห็บ หมู่ 11 ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จึงประสานแพทย์เวร รพ.โพนสวรรค์ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.นาขมิ้น ร่วมตรวจที่เกิดเหตุ ซึ่งศพของผู้ตายถูกนำออกมาวางไว้อยู่ริมพงหญ้าข้างถนนสายดังกล่าว ในสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงขาสามส่วนสีดำ ไม่สวมรองเท้า โดยมือซ้ายยังกอดกระเป๋าเครื่องมือช่างแนบกายแน่น ตรวจรอบบริเวณพบคีมตัดสายไฟค้างอยู่ที่สายไฟขนาด 2x2.5 สีขาว และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ คาดเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
ทราบต่อมาว่าผู้เสียชีวิตชื่อ นายดาวเรือง มากอง อายุ 38 ปี มีชื่อเล่นว่าตุ๋ม หรือนายสิบเอ็ด เนื่องจากมีนิ้วมือเกินมาหนึ่งนิ้ว อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 10 บ้านท่าศาลา ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม โดยขณะชันสูตรพลิกศพได้มีญาติของผู้เสียชีวิตมามุงดู และไม่ติดใจในสาเหตุการตาย หลังชันสูตรเรียบร้อยจึงมอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่านายตุ๋มหรือชาวบ้านส่วนมากเรียกว่านายสิบเอ็ด ไม่มีครอบครัว อยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว เนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว และไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ทราบจากญาติๆว่านายตุ๋มเสพยาบ้า ดื่มเหล้า ที่สำคัญชอบลักเล็กขโมยน้อย จนเป็นที่เอือมระอา ให้กับชาวบ้านและหมู่บ้านข้างเคียงเสมอ
ก่อนกลายเป็นศพ เมื่อคืนวันที่ 20 กันยายน ภายในหมู่บ้านท่าศาลามีงานบุญ ได้พบเห็นนายตุ๋มไปนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ กระทั่งตกดึกก็คว้ารถจักรยานปั่นออกไป โดยสะพายกระเป๋าเครื่องมือช่างไฟติดตัวไปด้วย จากนั้นก็ไม่มีใครพบนายตุ๋มอีกเลย จนบ่ายวันที่ 21 กันยายน มีชาวบ้านที่ออกไปสวนพริกที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน พบศพนายตุ๋มนอนตายอยู่ข้างกอไผ่ จึงรีบไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านดังกล่าว
จากการสันนิษฐาน คาดว่านายตุ๋มได้ปั่นจักรยานออกจากงานบุญ ก็ตรงดิ่งมาที่บริเวณดังกล่าว เพื่อจะตัดสายไฟไปขายแลกเงิน โดยเดินลุยน้ำดึงสายไฟที่เจ้าของโยงไว้กับเสาไม้ไผ่ แล้วใช้คีมที่นำมาตัด บังเอิญด้ามคีมด้านหนึ่งไม่มีปลอกพลาสติกหุ้ม จึงมีแต่เหล็กเปลือยเปล่า ประกอบกับนายตุ๋มไม่สวมรองเท้า ตัวเปียกชื้นด้วยน้ำ จึงเป็นตัวนำกระแสขณะกดคีมตัดสายไฟ กระแสไฟจึงแล่นเข้าหาตัวนายตุ๋ม หงายท้องล้มตึงเสียชีวิตทันที กว่าชาวบ้านจะมาพบก็เกือบค่ำของวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา
ต่อมา 22 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนางเพชรสมัย วงษาพัด อายุ 56 ปี ชาวบ้านท่าเรือ ต.โพนสวรรค์ เจ้าของสายไฟมรณะ โดยเปิดเผยว่าทางครอบครัวนอกจากจะทำนาแล้ว อาชีพเสริมคือปลูกพริกในสวนท้ายหมู่บ้าน ซึ่งมีชาวบ้านหลายหลังคาเรือน ก็ประกอบอาชีพเดียวกันนี้ ดังนั้นจำเป็นต้องโยงสายไฟจากบ้านพ่วงไปยังสวนพริก ระยะทางก็เป็นร้อยเมตร โดยใช้ไม้ไผ่เป็นเสาลากโยงไป เพื่อใช้กระไฟในการไดร์น้ำรดต้นพริก
ที่ผ่านมาทั้งไดร์หรือไดโว่สูบน้ำ หรือสายไฟถูกขโมยลักไปหลายหน ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.โพนสวรรค์ ก็ยังหาหลักฐานดำเนินคดีกับคนร้ายไม่ได้ แม้จะรู้ว่าเป็นใครแต่ขาดหลักฐานมัดตัว กระทั่งมารู้ว่านายตุ๋มย่องมาขโมยตัดสายไฟของตน และถูกไฟช็อตตายคาที่ ก็รู้สึกตกใจ แต่ไม่มีเจตนาเพราะตนโยงสายไฟต่อตรงกับคัทเอาท์ เชื่อว่าจากนี้ไปคงไม่มีขโมยอีกต่อไปแล้ว ชาวสวนพริกจะได้สบายใจมากขึ้น
และเพื่อยืนยันว่านายตุ๋มเป็นผู้ต้องสงสัยแอบขโมยสายไฟชาวบ้านจริง ได้มีญาติพาผู้สื่อข่าวไปดูปลอกสายไฟที่ถูกขโมยมา กองอยู่หลังบ้านของผู้ตายจำนวนมาก โดยบ้านหลังดังกล่าวอยู่ติดกับบ้านของนายสมพร นนทะสี ผู้ใหญ่บ้านท่าศาลา หมู่ 10 ทั้งนี้หลังจากขโมยมาแล้วก็จะปิดประตูบ้านเงียบ เพื่อนั่งปอกสายไฟให้เหลือแต่เส้นทองแดง เพื่อนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า นำเงินมาซื้อยาบ้าเสพและดื่มเหล้า
ด้าน นางพัฒนา อายุ 49 ปี พี่สาวของนายตุ๋ม เปิดเผยว่า ตนเป็นพี่สาวคนโต ผู้ตายเป็นลูกคนที่ 5 ของครอบครัว พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว น้องชายไม่มีอาชีพแน่นอน เท่าที่ทราบน้องติดยาบ้าและลักเล็กขโมยน้อย แต่ไม่มีประวัติเคยถูกจับกุม เมื่อตายไปแล้วก็จะบำเพ็ญกุศลศพตามประเพณี โดยจะเผา (22 ก.ย.) เนื่องจากความเชื่อของชาวบ้านเกี่ยวกับผีตายโหง
ขณะเดียวกัน นายปัญญา อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นญาติกับนายตุ๋ม ก็บอกว่าเคยเตือนหลานชายหลายครั้ง เกี่ยวกับการไปขโมยสิ่งของชาวบ้าน จนเป็นที่โจษจันของผู้คนทั่วไป ถ้าในหมู่บ้านมีอะไรหาย เขาจะเพ่งเล็งมาที่ตัวนายตุ๋มก่อนเป็นคนแรก “อย่าว่าแต่คนอื่นเลยแม้แต่ของผมมันก็ยังแอบขโมยไป” นายปัญญากล่าว.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี