มวลน้ำยังไหลเข้า‘เขื่อนลำปาว’ต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 25-30 ล้านลูกบาศก์เมตร เบื้องต้นได้รับผลกระทบทั้งด้านบนและท้ายเขื่อนรวม 10 อำเภอ จำเป็นต้องระบายน้ำคงที่วันละกว่า 29 ล้านลูกบาศก์เมตร
2 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งปัจจุบันมวลน้ำที่เกิดจากฝนตกเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงไหลเติมเข้าอ่างอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 25-30 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ล่าสุดเช้าวันนี้ไหลเข้าเพิ่มอีก 27 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้ขณะนี้เขื่อนลำปาวมีปริมาณอยู่ที่ 2,066 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น104.34 เปอร์เซ็นต์ จากความจุระดับกักเก็บ 1,980 ล้าน ลบ.ม. เกินระดับกักเก็บ 86 ล้าน ลบ.ม. และรับน้ำได้อีก 86 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว พร้อมเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมได้เน้นย้ำและประกาศถึงความจำเป็นที่ต้องระบายออก เนื่องจากปริมาณน้ำเกินระดับกักเก็บมาตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2566 สาเหตุจากฝนที่ตกลงมาต่อเนื่อง ซึ่งการระบายได้คำนึงถึงกระทบด้านล่าง และเพิ่มไต่ระดับแบบขั้นบันไดมาเรื่อยๆ จนถึงล่าสุดระบายอยู่ที่วันละ 29.69 ล้าน ลบ.ม. และจะคงที่การระบายปริมาณนี้ไปจนกว่าจะเข้าสู่เกณฑ์ปกติ
นอกจากนี้ได้ติดตามสถานการณ์ เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อนให้สามารถรองรับน้ำ ซึ่งยังมีแนวโน้มที่จะมีไหลเข้าอ่างในปริมาณมากต่อเนื่องอีกกว่า 7 วัน รวมทั้งได้แจ้งไปยังผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันแจ้งเตือนให้ประชาชนด้านท้ายเขื่อน และบริเวณ 2 ฝั่งลำน้ำปาว ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายในช่วงระยะนี้ด้วย
ขณะที่การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ผลกระทบจากฝนตกช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และผลกระทบจากการระบายน้ำเขื่อนลำปาว ล่าสุดนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ และมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์และเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชมรมแม่บ้านมหาดไทย จ.กาฬสินธุ์ ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมขังบ้านเรือน ในพื้นที่ ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือให้ศูนย์ช่วยผู้ประสบภัยเทศบาลตำบลลำพาน สำหรับนำไปจัดซื้อวัตถุดิบ เพื่อนำมาประกอบอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัย นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดยัง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ลงพื้นที่มอบสิ่งของที่ได้รับจากการบริจาคให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน มีพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอร่องคำ อำเภอฆ้องชัย อำเภอยางตลาด และอำเภอกมลาไสย รวม 19 ตำบล 104 หมู่บ้าน 2,121 ครัวเรือน บ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบจำนวน 29 หลัง พื้นที่การเกษตร นาข้าว ได้รับผลกระทบประมาณ 17,403 ไร่ บ่อปลา 42 บ่อ ถนน 3 สาย
ในส่วนพื้นที่ด้านบนเขื่อน ซึ่งเป็นพื้นที่รอบเขื่อนลำปาว และเป็นเอกสารสิทธิ์สัญญาเช่าของกรมธนารักษ์ ได้รับผลกระทบจำนวน 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าคันโท อำเภอหนองกุงศรี อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอห้วยเม็ก อำเภอสามชัย และอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ รวม 21 ตำบล 95 หมู่บ้าน 3,120 ครัวเรือน บ้านเรือนราษฎรได้รับ ผลกระทบ 483 หลัง พื้นที่การเกษตรนาข้าวได้รับผลกระทบประมาณ 13,404 ไร่ พืชไร่ 519 ไร่ วัด 4 แห่ง บ่อกุ้ง 100 บ่อ ถนน 14 สาย คอกสัตว์ 5 แห่ง ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการช่วยเหลือต่อไป...........-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี