น้ำเหนือทะลัก
จว.ลุ่มเจ้าพระยาระทึก!
‘อยุธยา’น้ำท่วม3อำเภอ
‘หนองเสือ’ปทุมจมแล้ว
กลาง-กทม.ฝนหนัก80%
อุตุฯเตือนใต้-ตะวันออก-กลาง–กทม.ฝนหนัก80% ด้านลุ่มน้ำเจ้าพระยาน่าห่วง รับน้ำเหนือไหลลงต่อเนื่อง กรมชลฯประกาศเขื่อนเจ้าพระยาเล็งปล่อยน้ำเพิ่มแตะ 1,500 ลบ.ม./วินาที เตือนจังหวัดท้ายเขื่อนตั้งแต่ชัยนาทลงไประวังระดับน้ำสูงขึ้นอีก 60 ซม. ขณะที่ 3 อำเภอใน พระนครศรีอยุธยา
น้ำทะลักท่วมแล้ว
“หนองเสือ”ปทุมฯระทึก รับน้ำจาก 2 จว.เสี่ยงจม “บิ๊กแจ๊ส”สั่งระดมเครื่องสูบน้ำ อุปกรณ์หนักเปิดทางระบายน้ำให้ผ่านเร็วที่สุด ย้ำประมาทไม่ได้ ส่วนปภ.สรุป 4 จว.ยังประสบอุทกภัยภาพรวมน้ำเริ่มลด เหลือ “กาฬสินธุ์-อุบลฯ” น้ำเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์สภาพอากาศทั่วประเทศไทยใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ทะเลอันดามันและอ่าวไทยคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
เตือนกทม.-กลาง-ตอ.ฝนหนัก80%
กรมอุตุนิยมวิทยายังพยากรณ์อากาศรายภาคว่า ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ส่วนมากบริเวณจ.แม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจ.ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ขณะที่ภาคกลางมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 มีฝนตกหนักบริเวณจ.กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง อยละ 60-70 มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล ทะเลคลื่นสูง 1-2 เมตร ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณจ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ทะเลคลื่นสูง 1-2 เมตร กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองตกหนักถึงหนักมากร้อยละ 80
น่าห่วงน้ำเหนือทะลักลงลุ่มเจ้าพระยา
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยายังน่าเป็นห่วง หลังน้ำเหนือไหลลงลุ่มเจ้าพระยามากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง และเขื่อนเจ้าพระยายังปรับเพิ่มปริมาณการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเพื่อรองรับน้ำเหนือที่จะมาถึง ซึ่งช่วงเช้าวันเดียวกัน สถานการณ์น้ำที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์มีน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,676 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) บริเวณเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.50 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 12.64 เมตร/รทก. ระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 3.7 เมตร และเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 1,449 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 160 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ที่สถานีวัดน้ำ C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรีมีมวลน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,313 ลบ.ม./วินาที
3อำเภออยุธยา ท่วมแล้ว
ทั้งนี้ จากการระบายน้ำดังกล่าวส่งผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำของ 3 อำเภอได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ และอ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีน้ำเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่นอกคันกันน้ำแล้ว อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานจะปรับแผนเพื่อควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที นอกจากนี้ ยังผันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งคลองลำน้ำอย่างเต็มศักยภาพ ประมาณ 387 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดผลกระทบให้พื้นที่ด้านท้ายน้ำ ช่วงนี้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกันน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่อ.สรรพยา จ.ชัยนาทลงไป ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด
เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำ1.5พันลบ.ม.
ขณะที่นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 3 กันยายน ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย เฝ้าระวังระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 20-60 เซนติเมตร เนื่องจากกรมชลประทานคาดการณ์ปริมาณน้ำที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,500-1,900 ลบ.ม./วินาที และคาดการณ์ปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขามีปริมาณประมาณ 100 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณระหว่าง 1,600-2,000 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทาน จำเป็นต้องควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,400-1,500 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 20-60 เซนติเมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน
4จว.ยังจม-กาฬสินธุ์/อุบลฯน้ำสูงขึ้น
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานสถานการณ์ฝนตกหนัก ทำให้ระหว่างวันที่ 26 กันยายน-4 ตุลาคม เกิดน้ำท่วมใน 28 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน ลำพูน อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ ลำปาง สุโขทัย น่าน ตาก กำแพงเพชร แพร่ เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครนายก ตราด กาญจนบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ สตูล และยะลา รวม 95 อำเภอ 344 ตำบล 1,596 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 32,510 ครัวเรือน
ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมใน 4 จังหวัด ได้แก่ ตาก กาฬสินธุ์ ยโสธร และอุบลราชธานี รวม 22 อำเภอ 118 ตำบล 702 หมู่บ้าน และประชาชนได้รับผลกระทบ 24,454 ครัวเรือน ดังนี้ จ.ตาก ท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ สามเงา และบ้านตาก ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,737 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง จ.กาฬสินธุ์ เกิดน้ำท่วมใน 10 อำเภอ ได้แก่ เมืองกาฬสินธุ์ ร่องคำ ฆ้องชัย ยางตลาด กมลาไสย สามชัย ท่าคันโท หนองกุงศรี สหัสขันธ์ และห้วยเม็ก ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,768 ครัวเรือน ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้น จ.ยโสธร ท่วม 2 อำเภอ ได้แก่ เมืองยโสธร และค้อวัง ระดับน้ำลดลง และจ.อุบลราชธานี เกิดน้ำท่วมใน 8 อำเภอ ได้แก่ เมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ ม่วงสามสิบ เขื่องใน ตระการพืชผล ตาลสุม เหล่าเสือโก้ก และดอนมดแดง มีประชาชนได้รับผลกระทบ 12,934 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
‘บิ๊กแจ๊ส’ตรวจความพร้อมรับน้ำท่วม
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดยังทรงตัว ขณะที่อีกหลายจังหวัดต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะจังหวัดลุ่มเจ้าพระยา ที่วัดนิเทศน์ราษฏร์ประดิษฐ์ ต.พืชอุดม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากอุทกภัย และสำรวจระดับน้ำประตูระบายน้ำ ปตร.ปากคลอง 2 คลองระพีพัฒน์แยกใต้ ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ ตรวจติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม และเตรียมรับมวลน้ำที่ประตูระบายน้ำคลอง ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือที่เริ่มมีระดับน้ำสูงขึ้น
หนองเสือปทุมฯระทึกรับมวลน้ำ2จว.
พล.ต.ท.คำรณวิทย์เปิดเผยว่า ปัจจุบันอ.หนองเสือประสบอุทกภัยและมวลน้ำลามมาทางอ.ลำลูกกา ทางอ.หนองเสือค่อนข้างวิกฤต ไม่อยากให้ประชาชนอ.ลำลูกกาประมาท อบจ.นำเครื่องมือหนัก เช่นรถแบ็กโฮและเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งช่วยเหลือประชาชน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ จากการตรวจสอบพบว่า มีมวลน้ำมาจาก จ.สระบุรี จ.นครนายก ไหลมารวมที่คลอง 13 จ.ปทุมธานีวิกฤตลามมาถึงลำลูกกา ตอนนี้น้ำเต็มคลอง ปัญหาอีกอย่างคือหญ้า ผักตบชวาขวางทางน้ำ ทำให้ระบายไม่ได้ แต่อำนาจเบ็ดเสร็จไม่ได้อยู่ที่ อบจ. เราต้องไปขออนุญาตกรมชลประทาน เพื่อเอาเครื่องมือมากำจัด ส่วนกรมชลประทาน อ้างว่าเขาก็จะใช้งบประมาณของเขาเอามาลง แต่ก็ไม่ลงสักที ซึ่งชาวบ้านรอไม่ได้ จังหวัดติดตามสถานการณ์น้ำไม่ให้ประมาท แต่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่วิกฤต เราเตรียมความพร้อมไว้แล้ว คิดว่าปีนี้คงจะไม่เหมือนปีที่แล้ว
เขื่อนลำปาวเกินกักเก็บเร่งระบาย
ที่จ.กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารแบบบูรณาการอำเภอสหัสขันธ์ พร้อมเปิดศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในอ.สหัสขันธ์ หลังสถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว เกินปริมาณกักเก็บที่ 102.73% หรือ 2,034 ล้าน ลบ.ม. จากปริมาณความจุที่ 1,980 ล้าน ลบ.ม. และยังมีน้ำไหลเข้าอ่าง 17.93 ล้าน ลบ.ม. โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เร่งระบายน้ำวันละ 29 ล้าน ลบ.ม. โดยอ.สหัสขันธ์มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ แล้ว 5 ตำบล 22 หมู่บ้าน 340 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อน 528 ราย พื้นที่เกษตรเสียหายแล้ว 11,809.8 ไร่ สำหรับการช่วยเหลือ ทางอำเภอลงพื้นที่สำรวจนำถุงยังชีพไปบรรเทาความเดือดร้อน แต่ระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบวงกว้าง
พิจิตรท่วมขังนาข้าว-บ้าน150หลัง
จากสถานการณ์น้ำฝนสะสมในจังหวัดพื้นที่ตอนบน ส่งผลให้แม่น้ำยมที่จ.พิจิตร มีระดับ 5.15 เมตร มีปริมาณน้ำ 301 ลบ.ม./วินาที เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมบางจุดล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ทำการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวกว่า 30 ไร่ ในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านวังเทโพ ต.วังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง ข้าวที่กำลังออกรวงถูกน้ำที่ไหลหลากจากจ.กำแพงเพชรและน้ำจากแม่น้ำยมไหลท่วมมิดรวง หากในอีก 1 เดือน น้ำไม่ลดลง นาข้าวทั้งหมดจะเสียหาย ขณะที่บ้านเรือนประชาชนกว่า 150 หลังคาเรือนในอ.สามง่าม และอ.โพธิ์ประทับช้าง 3 ตำบล 5 หมู่บ้านยังถูกน้ำท่วมขังนานเกือบ 1 สัปดาห์และต้องเฝ้าระวังมวลน้ำไหลมาจากจ.สุโขทัย และจ.พิษณุโลก ที่จะไหลมาสมทบด้วย
6จังหวัดระวังน้ำหลากดินถล่ม
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)โดยมีเรื่องที่ตนยังเป็นห่วงคือตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 ตุลาคม จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่ม เนื่องจากได้รับอิทธิพลของร่องมรสุมทำให้มีฝนตกหนัก ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.ลำพูน จ.แพร่ จ.ลำปาง
จว.ริมเจ้าพระยาจับตาน้ำล้นตลิ่ง
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำคือ 1.แม่น้ำวัง ได้แก่ อ.สามงา และบ้านตาก จ.ตาก 2.แม่น้ำยม ได้แก่ อ.สวรรคโลก ศรีนครศรีสำโรง ศรีสัชนาลัย ทุ่งเสลี่ยม และเมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย 3.แม่น้ำเจ้าพระยา คาดการณ์จะมีน้ำหลาก จากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาลจ.พระนครศรีอยุธยา และต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.00 -1.50 ม.นอกจากนี้ ในส่วนของภาค อื่นๆที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม ในช่วง 1-3 วัน ยังมีที่ จ.ศรีสะเกษ สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด และนราธิวาส
พื้นที่เกษตรเสียหายแล้ว3.1แสนไร่
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนความเสียหายในพื้นที่เกษตรกรรม ขณะนี้เสียหายแล้ว 18 จังหวัด รวม 314,829 ไร่ ได้แก่ ลำพูน สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครพนม สกลนคร ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลกำลังพิจารณาถึงมาตรการช่วยเหลือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี