วันที่ 5 ตุลาคม เฟซบุ๊ก Thailand Tiger Project DNP โดยกลุ่มนักวิจัยเสือโคร่ง สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้โพสเฟซบุ๊ก อัพเดตเรื่องของ เสืออภิญญา เสือโคร่งที่อยู่ในโครงการวิจัยเสือโคร่ง ที่นักวิจัยติดเครื่องหมายติดตามตัวเพื่อศึกษา ชีวิตความเป็นอยู่

โดยล่าสุดนั้น แม่เสืออภิญญา ได้ให้กำเนิดลูกน้อย 2 ตัว อย่างไรก็ตาม นักวิจัย ยังไม่สามารถทราบได้ว่า พ่อของลูกเสือทั้งสองตัวเป็นเสือตัวไหนระหว่าง เสือศิริ และเสือพงศกร และล่าสุด นักวิจัย ได้ตั้งชื่อ ลูกน้อยทั้งสองของแม่อภิญญาว่า สรณ์สืบ และ สอนสา

ซึ่ง นักวิจัย ได้บันทึกเรื่องของเสืออภิญญา และลูกน้อย 2 ตัวเอาไว้ ต่อไปนี้

สรณ์สืบ สอนสา ชีวิตที่ยังไม่เริ่มต้น

เมื่อปีที่แล้วตอนที่ เสือสาวอภิญญา เริ่มมีอาการพลุ่งพล่านเนื่องจากฮอร์โมนในกายเริ่มออกฤทธิ์ทำให้มันต้องเดินเข้าหน้าบ้านออกหลังบ้านไปตามหาตัวผู้เพื่อสนองต่อกลไกของร่างกาย ตัวผู้หนึ่งคือศิริ ส่วนอีกตัวก็พงศกร จนสร้างความกังขาว่าท้ายสุดลูกที่อยู่ในท้องที่มองเห็นพัฒนาการเชิงบวกได้อย่างชัดเจนในเดือนมิถุนายน 2565 ที่มื้ออาหารสุดท้ายของอภิญญาก่อนกลายเป็น แม่เสือ นั้นมีใครเป็นพ่อกันแน่

กรกฎาคม 2565 รู้แน่ชัดว่าท้องก้อนโตของแม่อภิญญาเมื่อเดือนก่อนกลายเป็นเสือน้อยสองตัวที่ยังไม่อาจบ่งบอกเพศได้ แต่ความเป็นลูกของป่านั้นชัดเจน ด้วยท่าทีที่ทักทายเชิงข่มขู่เมื่อเจอสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่แม่ของมัน ด้วยว่าคงเป็นครั้งแรกที่มันได้รู้ว่านอกจากแม่แล้ว โลกนี้ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่เคลื่อนไหวและมีลมหายใจเช่นพวกมัน

แต่แล้วข่าวคราว ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสองเสือน้อยกลายเป็นความลับขั้นสุดยอดของอภิญญา เพราะในทุกครั้งที่มันปรากฏกายในทุกจุดที่ถูกซุ่มส่องโดยกล้องดักถ่าย มีเพียงมันเดินลำพัง ไร้วี่แววลูกน้อยตามก้น กลายเป็นว่านอกจากข้อสงสัยว่าใครคือพ่อแล้ว จึงตามมาด้วยคำถาม เสือน้อยสองตัวยังอยู่รอดปลอดภัยดีหรือไม่

เมื่อความเงียบหายที่คล้ายระเบิดที่ตั้งไว้เวลาราวหกเดือน เพราะลุ้นความเป็นไป สุดท้ายได้กลายเป็นความสุขที่ปะทุออกมามากมายเมื่อแม่อภิญญาพาเสือน้อยสองตัวออกมาวิ่งเล่นไล่หลังกันอย่างสนุกในช่วงเดือนมกราคม 2566 ทำให้คำถามที่ค้างคาจึงเหลือเพียงหนึ่ง “ใครคือพ่อ”

ในช่วงเวลาร่วมปี ที่อภิญญาได้ประคบประหงมเสือน้อยทั้งสอง ท่าทีที่มันแสดงออกเมื่อต้องเดินออกลาดตระเวนแนวเขตบ้านฝั่งที่เชื่อมติดบ้านกนิษฐาและศิริ มันเดินมาลำพังเสมอจึงสื่อได้ว่าแท้จริงแล้วพ่อของลูกๆ มันคือใคร และตอกย้ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อมันเลือกที่ให้ลูกอยู่และกินในส่วนลึกของบ้านที่ศิริไม่อาจเข้าไปยุ่มย่ามพบเจอได้

แต่กระนั้นมันก็ยังมีความโปรยเยื่อใยให้กับศิริเป็นครั้งคราว แต่ท้ายสุดศิริก็ยอมล่าถอยให้กับพงศกร จะด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่อยากคาดเดาแม้ว่าจะไม่ยากเกินจะคาด

การทุ่มเทพลังในการเลี้ยงสองเสือของแม่อภิญญาส่วนใหญ่หมดไปกับการลงแรงล่า วัวแดง ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วบ้านของมัน เสือน้อยจึงมีการเติบใหญ่อย่างแตกต่างในช่วงเวลาปีเศษ ประกอบการรับลักษณะโครงสร้างที่ใหญ่โตมาจากพงศกรผู้พ่อ เมื่อมันเดินผ่านกล้องในช่วงมีนาคม 2566 บอกได้ในทันทีว่า มันทั้งสองคือตัวผู้ทั้งคู่

การเกิดเป็นเสือโคร่งตัวผู้ถ้ามองในมุมของมนุษย์คือ การสะสมแต้มบุญมาน้อย เพราะการใช้ชีวิตหลังจากพ้นอกแม่มันจะเต็มไปด้วยความโลดโผน โจนทะยาน ผจญภัยที่อาจมานำมาซึ่งโอกาสแห่ง “ภัย” ให้ถึงแก่ชีวิต มากกว่า “ความสุข สำเร็จ” นับจากนี้เวลาแห่งความสุข เย็น ของสรณ์สืบและสอนสา กำลังเริ่มนับถอยหลังเรื่อยๆ แล้ว

ถ้ากล่าวว่าสองเสือ “มันอยู่ในช่วงมีลมหายใจแต่ยังไม่มีชีวิตเป็นของตนเอง” ก็คงไม่เกินจริง เพราะ “ชีวิตเสือโคร่งตัวผู้ที่แท้จริง” ของพวกมันยังไม่ได้เริ่มต้น หากแต่ว่าในวันใดวันหนึ่งการเดินทางเพื่อหาบ้านและสร้างครอบครัวสิ้นสุดลง แล้วจังหวะชีวิตได้หล่อหลอมให้มันแกร่งและอยู่รอดได้ในธรรมชาติ การเริ่มต้นของชีวิตตัวผู้ที่แท้จริงจึงจะเริ่มต้นขึ้น เพื่อพร้อมขยายเผ่าพันธุ์และทำหน้าที่รักษาสมดุลย์ของระบบนิเวศป่าไม้ต่อไป

ในเส้นทางของการเริ่มต้นเพื่อนำไปสู่จุดสิ้นสุดจนได้เป็น เสือตัวผู้เต็มวัย

พวกเราเหล่ามนุษย์คงทำได้เพียง ลุ้น และช่วยกันขยายความเข้าใจให้เข้าถึงกลุ่มคนที่มีผลต่อการอยู่รอดโดยไม่เป็นปัจจัยหรือสาเหตุแห่งความล้มเหลวของชีวิตเสือโคร่งวัยรุ่น โดยเฉพาะเพศผู้ นี่คือคำตอบว่า ทำไมต้องศึกษาเสือโคร่งวัยรุ่น

#วิจัยเสือวัยรุ่น ลุ้นและว้าวุ่นเป็นธรรมดา

#LongTermResearch ที่แท้จริง