เยียวยาเหยื่อกราดยิงพารากอน
เสียชีวิต6.2ล้าน
บาดเจ็บรายละ3.5แสน
จิตแพทย์ประเมินมือยิง
เห็นควรส่งสถาบันกัลยาณ์
ตร.ติดตามผู้เกี่ยวข้องเพิ่ม
ทีมจิตแพทย์ที่ตรวจสอบอาการของมือกราดยิงที่ห้างสยามพารากอน เห็นควรส่งตัวเด็กชายไปเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ทบ.เร่งตรวจสอบข้อมูลสนามยิงปืน นรด. ขณะที่ ผบก.สส.บช.น. เผยผลสอบมือปืนวัยโจ๋ ซ้อมยิงปืนในสนามดังกล่าวกว่า 20 ครั้งผบช.น.สั่งตามตัวก๊วนแชทเด็ก 14 ปมบูลลี่ แชทพาดพิงผู้สูญเสีย อยู่ระหว่างตรวจสอบความสัมพันธ์ พบมีประมาณ 4-5 คน รัฐบาล-เอกชน เยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุกราดยิงพารากอน 2 ราย ซึ่งเป็นชาวจีน และชาวเมียนมา รายละ 6.2 ล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บ จ่ายรายละ 3.5 แสนบาท
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการรับตัว ด.ช.วัย 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงที่ห้างสยามพารากอน ซึ่งขณะนี้อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน ว่า สถานพินิจฯได้มีกระบวนการรับตัว มีแพทย์ที่ตรวจและประเมินสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็ก ซึ่งรับทราบว่าเด็กชายไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ระหว่างนี้จึงคงยังอยู่ในการดูแลของสถานพินิจฯ
“ผมได้รับแจ้งว่าเมื่อมีการตรวจประเมินสุขภาพจิตของเด็กชาย ทางทีมจิตแพทย์ที่ตรวจสอบเบื้องต้นมีความเห็นว่า เห็นควรส่งตัวเด็กชายไปเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ แต่ผมไม่ได้เห็นรายละเอียดชัดเจน ว่า เด็กชายมีอาการทางจิตอย่างไร เป็นเพียงสรุปรายงานที่ได้รับทราบเท่านั้น” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ขอให้เป็นไปตามความเห็นของแพทย์
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า แม้เด็กชายจะถูกส่งตัวไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ ก็ตาม แต่ในทางกฎหมายไม่สามารถเปิดเผยเรื่องอาการสุขภาพของเด็กได้ ขอให้เป็นไปตามความเห็นของแพทย์ อีกทั้งทางกรมพินิจฯ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่สำหรับเข้าร่วมดูแลเด็ก ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย นอกจากนี้ ตนไม่ได้เน้นย้ำกำชับในเรื่องใดเป็นพิเศษแก่กรมพินิจฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะมีขั้นตอนการดำเนินการและรายงานให้ตนรับทราบต่อเนื่อง อีกทั้งเรื่องสำคัญอีกประการคือการที่เจ้าหน้าที่ของกรมพินิจฯ จะต้องลงพื้นที่สืบเสาะ สืบสวนค้นหาสาเหตุที่ทำให้เด็กชายก่อเหตุดังกล่าว เพื่อที่เราจะได้ร่วมกันออกแบบกลไกป้องกันไม่ให้มีเด็กหรือเยาวชนก่อเหตุในลักษณะนี้ซ้ำขึ้นอีก
“หากเด็กชายเข้ารับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางเสร็จสิ้นกระบวนการเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อถึงวันนั้น แพทย์พิจารณาส่งกลับมายังสถานพินิจฯ ทางกรมพินิจฯจะมีโปรแกรมบำบัดฟื้นฟู เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยซึ่งจะเป็นในส่วนที่เด็กๆ ภายในการดูแลของสถานพินิจฯ ทุกคนจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมการศึกษา การพัฒนาวิชาชีพต่างๆ เป็นต้น” รมว.ยุติธรรม กล่าว
ทบ.ไล่สอบจนท.สนามยิงปืน นรด.
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก เผยแพร่เอกสารสืบเนื่องจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงที่สยามพารากอน เมื่อ 3 ต.ค.66 ซึ่งภายหลังได้ปรากฏคลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เป็นภาพของผู้ต้องหาขณะทำการซ้อมยิงปืนในสนามยิงปืน ที่คาดว่าเป็นสนามยิงปืนในหน่วยทหาร ภายหลังการตรวจสอบพบว่า เป็นสนามยิงปืนของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ซึ่งสนามยิงปืนแห่งนี้ได้เปิดบริการให้แก่สมาชิกของสนามยิงปืนได้เข้ามาฝึกซ้อม มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม กีฬายิงปืน รวมถึงเพื่อฝึกฝนการใช้อาวุธปืนให้กับกำลังพลและบุคคลทั่วไปที่สนใจ โดยระเบียบของสนามยิงปืนแห่งนี้ อนุญาตให้สมาชิกสามารถนำบุคคลอื่นที่สมาชิกรับรองมาใช้บริการที่สนามยิงปืนได้ และต้องปฏิบัติตามกฎของสนามยิงปืนอย่างเคร่งครัด
จากการตรวจสอบรายชื่อสมาชิกพบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้เป็นสมาชิกของสนามยิงปืน จึงสันนิษฐานว่ามีสมาชิกคนอื่นพาเข้ามา รวมถึงเมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงวจรปิดย้อนหลังจนถึงวันที่มีข้อมูลบันทึกไว้เป็นเวลา 10 วัน ไม่พบภาพของผู้ต้องหาดังกล่าว โดยปัจจุบันทางหน่วยกำลังตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ในสนามยิงปืนทั้งหมด เพื่อรวบรวมข้อมูลการเข้าใช้สนามยิงปืนของผู้ต้องหาดังกล่าว ทั้งนี้ กองทัพบกได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เผยเด็กมาซ้อมยิงปืนกว่า20ครั้ง
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ยืนยันว่า สนามยิงปืนที่เห็นในคลิปนั้นเป็นสนามยิงปืนของ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน โดยผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการได้นั้น จะต้องเป็นสมาชิก หากว่าเป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องมีผู้ปกครองไปด้วย โดยทางส่วนนี้ชุดสอบสวนเป็นผู้ดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ก่อเหตุนั้นได้มาใช้บริการสนามยิงปืนแห่งนี้บ่อยเเค่ไหน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากคำให้การของผู้ต้องหาทราบว่า ก่อนวันที่จะมาเกิดเหตุได้มาทำการซ้อมยิงปืนถึง 20 กว่าครั้งด้วยกัน
2พ่อลูกขายปืนยังให้การปฎิเสธ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายสุวรรณหงส์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ จ.932/66 ลง 4 ต.ค.66 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ และนายอัครวิชญ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ตามหมายจับ จ.933/66 ลง 4 ต.ค.66 ของ ศาลอาญากรุงเทพใต้ สองพ่อลูก ชาว จ.ยะลา และนายปิยะบุตร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ 931/2566 ลงวันที่ 4 ต.ค.66 ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายอาวุธปืนให้เยาวชนอายุ 14 ปีใช้ก่อเหตุสลดที่สยามพารากอน นั้น
พ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผกก.สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 5 ตุลาคม พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันได้เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นเรื่องของการที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนให้เด็กชายอายุ 14 ปี ก่อนเอาไปใช้ก่อเหตุจริงหรือไม่เท่านั้น ซึ่งใช้เวลาเกือบตลอดทั้งคืนในการสอบปากคำ ซึ่งในชั้นจับกุมนั้นนายสุวรรณหงษ์ (พ่อ) และนายอัครวิชญ์ (ลูก) ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางพนักงานสอบสวนมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้อย่างแน่ชัด ส่วนในวันนี้จะมีการขยายผลเรื่องอาวุธปืนว่ามาจากไหนและผู้ซื้อนำไปใช้ทำอะไรบ้าง เพราะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีการซื้อ-ขายปืนดัดแปลงเฉลี่ยวันละ 100 กระบอก
ส่วนนายปิยะบุตรคนขายกระสุนปืนนั้น ในชั้นจับกุม ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยญาติได้นำอาหาร น้ำดื่ม มาเยี่ยม เเละพูดคุยนานประมาณ 10 นาที พร้อมปรึกษากับตำรวจในการขอประกันตัว เเละติดกำไรอิเล็กทรอนิกส์ โดยทางตำรวจให้คำเเนะนำ ให้ไปประกันตัวในชั้นศาล เเละให้เตรียมวงเงินไว้ประมาณคนละ 1 เเสนบาท
ผบช.น.สั่งตามตัวก๊วนแชทเด็ก14
มีรายงานว่า พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ติดตามตัว บุคคลที่ปรากฏอยู่ในแชท ที่มีการแชร์ต่อในโซเชียล ซึ่งปรากฏเป็นภาพการแชทสนทนา ที่เกี่ยวข้องกับ ด.ช.14 ผู้ก่อเหตุยิงในห้างพารากอน ในลักษณะพาดพิงและบูลลี่ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และตัวผู้ก่อเหตุ โดยได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น. รรท ผกก.3 บก.สส.บชน.พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ลาดตระเวณออนไลน์ ตรวจสอบข้อมูลจากแชทดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นทราบว่าเป็นเพื่อนทางออนไลน์ ประมาณ 4-5 คน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบความสัมพันธ์ และติดตามตัว
“เศรษฐา”ยํ้าไทยยังต้อนรับนทท.จีน
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวจีนเมื่อถามว่าประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางนักท่องเที่ยวจีนมาหลายปี จะบอกอย่างไรว่าไทยยังต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเหมือนเดิมโดยนายเศรษฐา กล่าวว่า เรายังต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน และมีมาตรการดูแลเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาวุธและมาตรการที่เราต้องดูแลให้ถูกต้อง ซึ่งเรื่องการเข้าถึงอาวุธได้ง่ายจะต้องลดลง
โฆษกรบ.ขอคนไทยร่วมใจดูแล นทท.
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์เศร้าสลดดังกล่าวว่า ทางการไทยได้แสดงออกถึงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าว และตามมาด้วยการเยียวยาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งการยกระดับมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่ไม่มีคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นได้ อยากจะขอเชิญชวนคนไทยทุกคน ขอได้โปรดร่วมแรงร่วมใจในการพร้อมใจกันประกาศว่า ไทยอีกกว่า 67 ล้านคนทั่วประเทศ รู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น พวกเราคนไทยทั้งประเทศจะพร้อมใจกันเอาใจใส่ดูแลท่านในยามที่ท่านมาเยือนเมืองไทยอย่างดีที่สุด เพื่อเป็นการชดเชยความรู้สึกของท่าน และเพื่อเป็นการแสดงออกอย่างจริงใจต่อท่านว่า พวกเราเสียใจและขออภัยอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเช่นนั้น
‘สมศักดิ์’เรียกประชุมเงินเยียวยา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการกองทุนฯเข้าร่วม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบเยียวยาผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย รายละ 1 ล้านบาท ส่วนกรณีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส รายละ 2 แสนบาท บาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 1 แสนบาท โดยการพิจารณาได้เทียบเคียงกับเหตุการณ์ใกล้เคียงในอดีตที่ได้อนุมัติเยียวยาแล้ว
‘ปานปรีย์’ เผย1-2วันมาตรการเสร็จ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า กำลังดำเนินการอยู่ ใน 1 - 2 วันนี้คงเรียบร้อย ส่วนจำนวนที่เยียวยาเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไป ขณะที่สถานทูตที่มีประชาชนได้รับผลกระทบไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมเข้ามา เพราะเขารู้ว่ารัฐบาลไทยและห้างสรรพสินค้าพารากอนกำลังดำเนินการอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเทศต่างๆ มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายปานปรีย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เราไม่สามารถควบคุมในลักษณะที่ว่ามีเด็กอายุ 14 ปี ไปทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เพราะฉะนั้น คิดว่าชาวต่างชาติเข้าใจ และอยู่ที่ว่าหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการอย่างไร ขณะนี้เชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังวางมาตรการที่ชัดเจน โดยมี 2 มาตรการ มาตรการแรกคือ การเยียวยา อีกมาตรการคือการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก หาก 2 มาตรการมีความชัดเจนเชื่อว่าชาวต่างชาติจะกลับมาให้ความเชื่อมั่นประเทศไทยอีกครั้ง เชื่อว่าภายใน 1 - 2 วันนี้มาตรการเหล่านี้จะเสร็จเรียบร้อย
เยียวยาผู้เสียชีวติรายละ6.2ล้าน
วันเดียวกัน นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ พร้อมทั้ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) พล.ต.ต.อภิชาติ สิริบุญญา รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 5 ราย
ขณะที่ น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้บาดเจ็บ 5 ราย จากเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน นั้น ภาครัฐและเอกชน จะมอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งเป็นชาวจีน และชาวเมียนมา รายละ 6.2 ล้านบาท โดยเป็นเงินเยียวยาจากภาครัฐ รายละ 1.2 ล้านบาท มาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยรายละ 1 ล้านบาท และจากกระทรวงยุติธรรมรายละ 2 แสนบาท ขณะที่ภาคเอกชน คือ บริษัท สยามพิวรรธน์ และบริษัท กิฟฟารีน จะร่วมมอบเงินเยียวยารวมกัน รายละ 5 ล้านบาท
ส่วนผู้บาดเจ็บ 5 รายนั้น เป็นคนไทย 3 ราย ชาวจีน 1 ราย และสปป.ลาว 1 ราย โดยเมื่อผู้บาดเจ็บออกจากโรงพยาบาล ภาครัฐจะเยียวยารายละ 5 หมื่นบาท ส่วนบริษัท สยามพิวรรธน์ จะมอบอีกรายละ 3 แสน รวมเป็นรายละ 3.5 แสนบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี