‘ไชยา พรหมา’รมช.เกษตรและสหกรณ์ สั่งชะลอพร่องน้ำ‘เขื่อนลำปาว’ กู้วิกฤติน้ำท่วม‘กาฬสินธุ์’ กำชับทุกฝ่ายเร่งช่วยเหลือ ขณะที่พื้นที่การเกษตรเสียหายนับแสนไร่
8 ตุลาคม 2566 ที่ห้องประชุมเอนกประสงค์ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ เข้ารับฟังการรายงานปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาว และสถานการณ์น้ำท่วม จ.กาฬสินธุ์
สำหรับปัญหาน้ำท่วมที่ จ.กาฬสินธุ์ เกิดจากฝนที่ตกอย่างหนัก ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนถึงปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งจังหวัด ทำให้ปริมาณน้ำสะสมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ที่ยังได้รับอิทธิพลจากน้ำป่าไหลเข้าอ่างด้านอำเภอศรีธาตุ จ.อุดรธานี และน้ำป่าจากเทือกเขาภูพาน ส่งผลให้เขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำเพิ่มอย่างรวดเร็วจนเกินระดับกักเก็บ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยปีนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างมากกว่าถึง 2,200 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากความจุระดับกักเก็บที่ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 27% เฉพาะในเดือนกันยายน มีมากถึง 1,063 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.66 - วันที่ 17 ส.ค.66 มีการพร่องน้ำเรื่อยมา เพื่อรองรับน้ำใหม่ และเริ่มระบายน้ำบริเวณอาคารผันน้ำ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.66 ซึ่งเริ่มจากวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นไปถึงวันละ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร และไต่ระดับแบบขั้นบันได ระบายในช่วงปริมาณน้ำเกินระดับกักเก็บ 100 เปอร์เซ็นต์เฉลี่ยวันละ 15-25 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบายสูงสุดที่วันละ 29 ล้านลูกบาศก์เมตรจำนวน 4 วัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน และรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีน้ำไหลเข้าอ่างฯอย่างต่อเนื่องอีกระยะหนึ่งมากกว่า 120 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันล่าสุดเขื่อนลำปาวมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 2,005 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 101% ของความจุ ระดับน้ำหน้าอ่างลดลงจากที่สูงสุดแล้ว 21 ซม. จาก 164.29 ม.รทก.ลงมาอยู่ที่ 164.08 ม.รทก. แต่ยังสูงกว่าระดับเก็บกักอยู่ 8 ซม. ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการปรับลดการระบายน้ำมาตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค.ลดเป็น 25 ล้านลูกบาศก์เมตร, วันที่ 6 ต.ค.ลดเป็น 22 ล้านลูกบาศก์เมตร และล่าสุดวันนี้ 8 ต.ค. ลดเป็น 20 ล้านลูกบาศก์เมตร
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันได้รับผลกระทบจำนวน 10 อำเภอ แยกออกเป็น 2 สถานการณ์ คือ สถานการณ์น้ำท่วมด้านเหนือเขื่อน จากระดับน้ำของเขื่อนลำปาวที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นพื้นที่รอบเขื่อนลำปาว และเป็นเอกสารสิทธิ์สัญญาเช่าของกรมธนารักษ์ ได้รับผลกระทบจำนวน 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอท่าคันโท อำเภอหนองกุงศรี อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอสามชัย อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และอำเภอห้วยเม็ก รวม 24 ตำบล 134 หมู่บ้าน 3,710 ครัวเรือน มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 564 หลัง ด้านเกษตรได้รับผลกระทบ 29,445 ไร่ ด้านประมง 95 ไร่ และถนน 183 สาย
ในส่วนสถานการณ์น้ำท่วมด้านท้ายเขื่อน จากการระบายน้ำของเขื่อนลำปาว ได้รับผลกระทบจำนวน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอร่องคำ อำเภอฆ้องชัย อำเภอยางตลาด และอำเภอกมลาไสย รวม 31 ตำบล 228 หมู่บ้าน 6,120 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 738 หลัง ด้านเกษตรได้รับผลกระทบ 55,224 ไร่ ด้านประมง 374 ไร่ และถนน 64 สาย
ภายหลังจากรับฟังรายงานสถานการณ์ที่คาดว่าจะเริ่มดีขึ้น นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปยังอาคารผันน้ำเขื่อนลำปาว พร้อมกับได้กดปุ่มลดบานประตูชะลอการระบายน้ำลงในพื้นที่ราบลุ่ม เพื่อลดความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ พร้อมกำชับเตรียมการให้ส่วนราชการ และประชาชน ประกาศเตือนภัยเพื่อรับมือกับมวลน้ำในลำน้ำชีที่จะไหลเข้ามาสมทบในพื้นที่กาฬสินธุ์
นายไชยา กล่าวว่า สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วงเนื่องจากเขื่อนลำปาว ยังจำเป็นที่จะต้องทำการระบายน้ำ เนื่องจากอิทธิพลน้ำป่าที่ไหลเข้ามา จาก จ.อุดรธานี และแนวเขตเทือกเขาภูพาน ได้เติมเข้าอ่างอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 20 ล้าน ลบ.ม. แต่ขณะนี้เกินปริมาณกักเก็บ ซึ่งแนวทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้มาตรวจเยี่ยม จากนั้นจะมีการนำเสนอแผนการปรับเปลี่ยนทางน้ำ ให้มีการผันน้ำลงแม่น้ำโขง ไม่ว่าจะเป็นการทำอุโมงค์หรือการสร้างระบบชลประทานให้ครบวงจร ที่จำเป็นจำต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่หากเปรียบเทียบความเสียหายในแต่ละปี เชื่อว่าจะเป็นแผนที่ดีในการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคอีสาน ทั้งนี้ภายหลังน้ำลด การช่วยเหลือ จะเกิดขึ้นทุกรูปแบบ โดยการนำของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกกระทรวงฯ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำการเยียวยาพี่น้องประชาชนให้ดำรงชีวิตได้ และในขณะนี้ได้ทำการสำรวจในเรื่องความเสียหายเอาไว้แล้ว
จากนั้นนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค บริโภคให้กับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่บ้านท่าเรือ ต.นาเชือก อ.ยางตลาด และบ้านท่าสินธุ์ บ้านสีดา ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ รวมจำนวน 700 ครัวเรือน โดยพบว่าหลายครอบครัวเริ่มป่วยเป็นโรคผิวหนังและซึมเศร้า ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ได้จัดทีมแพทย์เข้าดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะที่ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็จัดเตรียมเรือและการอพยพประชาชนหากมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีก //////-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี