เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 จากกรณีน.ส.แครา แปรนาต์ (MISS KRAIRA PREYWAT) อายุ 31 ปี สัญชาติฝรั่งเศสได้โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า วอนสังคมช่วยลูกชาย 7 ขวบ ถูกชายไทยล่วงละเมิด แจ้งความไม่คืบหน้า ถูกยึดพาสสปอร์ต โดนโน้มน้าวให้ยอมความ จากการโพสต์ดังกล่าวได้ทำให้โลกออนไลน์ได้แสดงความคิดเห็น ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พร้อม พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบนายปราโมทย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี เพื่อดูจุดที่รับแจ้งว่าเด็กชายชาวฝรั่งเศสอายุ 7 ขวบถูกทำอนาจารตามที่แม่ของเด็กได้เข้าแจ้งความ โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ พร้อมประสานล่ามภาษาฝรั่งเศสมาแปลภาษาพร้อมเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพได้ร่วมสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากเด็กชายฝรั่งเศส จากการสอบถามเด็กได้กล่าวว่าได้ถูกเจ้าของร้านทำอนาจารจริง
พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด ได้สอบถามนายปราโมทย์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาได้ให้ปากคำกับ ร.ต.อ.ระวิ ณ บุญโณ พนักงานสอบสวน ซึ่งนายปราโมทย์ ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าวันเกิดเหตุระหว่างที่ตนเองอยู่ภายในร้านเตรียมตัวที่จะอาบน้ำเนื่องจากลับมาจากออกกำลังกายตอนเช้า ระหว่างได้นำผ้าขนหนูมานุ่งทับกางเกงขาสั้นที่ใช้ออกกำลังกายได้มีลูกค้าตะโกนเรียกว่ามีลูกค้ามาซื้อของ จึงเดินออกมาจากหลังบ้านในขณะที่นุ่งผ้าขนหนู พบว่ามีเด็กชายชาวต่างชาติมาพูดแต่ตัวเองฟังไม่เข้าใจมารู้ที่หลังว่าเด็กชายคนดังกล่าวพูดภาษาฝรั่งเศส
ซึ่งตนเองคิดว่าเด็กจะซื้อเครื่องดื่มในตู้เย็นจึงจูงแขนเด็กให้ไปที่ตู้เย็นพร้อมตีก้นเด็กไปหนึ่งทีเพื่อเป็นการหยกเล่นตามประสาผู้ใหญ่เอ็ดดูเด็ก แต่เด็กก็สายหัวไม่เอาของในตู้เย็นพร้อมพูดภาษาฝรั่งเศสตนเองก็ฟังไม่เข้าใจจึงได้ใช้มือตีก้นเด็กเบาๆ เพื่อให้เด็กกลับไปเพราะตนเองจะอาบน้ำ จากนั้นไม่นานแม่ของเด็กที่พักอยู่คอนโดใกล้กับร้านตนได้มาพร้อมผู้ชายหนึ่งคน โดยมาชี้หน้าต่อว่าตนเองซึ่งตนเองก็ฟังไม่รู้ว่าแม่ของเด็กต้องการอะไร จากนั้นแม่ของเด็กก็เข้ามาตบหน้าตนและทำลายทรัพย์สินภายในร้านจนได้รับความเสียหาย ระหว่างนั้นผู้ชายที่มาด้วยได้เข้ามาต่อว่าพร้อมพลักตนเองล้มเขากระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บ ตนเองงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ซึ่งตนเองมารู้ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตามตัวให้ไปพบร้อยเวร จึงทราบว่าแม่ของเด็กชายชาวฝรั่งเศสได้แจ้งความกล่าวหาว่าตนเองทำอนาจารลูกชายตนจึงงงอยากมาก ซึ่งตนเองขอปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอนาจารเด็กแต่อย่างใด และได้แจ้งความกลับว่าตนเองถูกทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินของตนเองก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน
จากการตรวจสอบภายในร้านพบกล้องวงจรปิดแต่กล้องได้เสียนานแล้ว สังเกตุจากฝุ่นที่เกาะหน้าที่ตัวกล้องวงจรปิด ทำให้ไม่มีภาพที่ระบุว่านายปราโมทย์ได้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายชาวฝรั่งเศสตามที่แม่ของเด็กได้แจ้งความ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้หาหลักฐานอื่นต่อไปว่าได้กระทำอนาจารจริงต่อเด็กจริงหรือไม่
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา น.ส.แครา ซึ่งพักอาศัยอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุเดินมากับลูกชาย อายุ 7 ปี มาซื้อเครื่องดื่มที่ร้านค้าของนายปราโมทย์หลังจากนั้นทั้ง 2 คนออกจากร้านไป ต่อมาเมื่อน.ส.แครา ต้องเช็คเอาท์ออกจากคอนโดที่พักเนื่องจากจะย้ายไปที่พักแห่งใหม่แต่หากุญแจห้องไปพบโดยไม่รู้ว่าลืมกุญแจไว้ที่ไหน ลูกชายจึงอาสาไปหากุญแจที่ร้านค้าให้ที่ได้ไปซื้อเครื่องดื่มซึ่งเป็นร้านของนายปราโมทย์
เมื่อผ่านไปไม่นานลูกชายก็วิ่งมาบอกว่าพ่อค้าที่ร้านกระทำอนาจารด้วยการจับอวัยวะเพศ และได้จับมือเด็กมาจับที่อวัยวะเพศของนายปราโมทย์ด้วย เมื่อ น.ส.แครา ทราบเรื่องจึงรีบไปที่ร้านของนายปราโมทย์ พบนายปราโมทย์นุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ในร้าน จึงเข้าไปสอบถามแต่พูดจาสื่อสารกันไม่เข้าใจ จึงโต้เถียงกันซึ่ง น.ส.แครา ได้ใช้มือผลักชั้นวางสินค้าและหยิบสินค้าอื่นๆในร้านเขวี้ยงลงบนพื้นทำให้ได้รับความเสียหาย แล้วใช้มือตบใบหน้าของนายปราโมทย์ จากนั้นก็มีเพื่อนชายของน.ส.แครา เข้ามาผลักหน้าอกนายปราโมทย์จนกระเด็นไปกระแทกกับโต๊ะล้มลงได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาวันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 20.18 น. น.ส.แครา ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อต้องการดำเนินคคีกับนายปราโมทย์ ที่กระทำอนาจารลูกชายของตน เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนปากคำ และรับคำร้องทุกข์เป็นคคีอาญาที่553/2566 ต่อมาวันที่ 15 กันยายน 2566 เวลา 17.00 น. นายปราโมทย์ ก็เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาว่า “ กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ” ซึ่งนายปราโมทย์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนหลักฐานการทำอนาจารเด็กชายฝรั่งเศสนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างรอรายงานผลการตรวจร่างกายลูกชายผู้เสียหาย จากแพทย์โรงพยาบาลเกาะสมุย พร้อมสอบสวนแพทย์ผู้ชันสูตรและจะสรุปสำนวนการสอบสวนต่อไป
และเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 เวลา 18.30 น. นายปราโมทย์ ได้มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อประสงค์ดำเนินคดีกับ น.ส.แครา กับพวกที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายและทำให้เสียทรัพย์ โดยทรัพย์สินเสียหายคิดเป็นเงินจำนวน 10,470 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนปากคำ และรับคำร้องทุกข์เป็นคดีอาญาที่572/2566
ต่อมาในวันที่ 25 กันยายน 2566 น.ส.แครา ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา “ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและทำให้เสียทรัพย์ ” น.ส.แครา รับสารภาพข้อหาทำร้ายกายนายปราโมทย์จริงตามข้อกล่าวหา และปฏิเสธข้อหาทำให้เสียทรัพย์แต่รับยอมรับว่าได้ทำลายทรัพย์สินของนายปราโมทย์จริง แต่ทรัพย์ที่เสียหายนั้นไม่ตรงตามราคาที่ผู้กล่าวหาร้องทุกข์ ในวันเดียวกันพนักงานสอบสวน นำตัว น.ส.แครา พร้อมหนังสือเดินทางไปยังศาลจังหวัดเกาะสมุยเพื่อผัดฟ้อง-ฝากขัง พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุยแล้ว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ปัจจุบันคดีอยู่ชั้นอัยการ
ส่วนการโพสต์ในทวิตเตอร์ของ น.ส.แครา ได้ระบุว่า “ เธอแจ้งความว่าเจ้าของร้านได้ล่วงละเมิดทางเพศลูกเธอ และต้องเสียค่าล่ามแปลภาษาเพราะตนเองไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ นอกจากนี้ยังต้องเสียค่าแปลเอกสาร ถูกพิมพ์ลายนิ้วมือ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจโน้มน้าวให้ยอมความเพราะคดีต้องใช้เวลานานหลายเดือน ซึ่ง น.ส.แครา ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และได้ส่งลูกชายกลับประเทศฝรั่งเศสแล้วเพราะลูกต้องไปเรียนหนังสือ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าเธอได้ถูกยึดหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต”
ในเรื่องนี้ พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด ได้ชี้แจงว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนด้วยความรวดเร็วต่อเนื่องและเป็นธรรม ส่วนที่ น.ส.แครา ที่โพสต์ว่าถูกยึดหนังสือเดินทางนั้น เรื่องจริงคือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.แครา พร้อมด้วยหนังสือเดินทางไปยื่นเป็นเอกสารประกอบให้กับศาลจังหวัดเกาะสมุย เพื่อผัดฟ้อง-ฝากขัง หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนของศาลแล้วได้คืนหนังสือเดินทางให้ น.ส.แครา โดยที่พนักงานสอบสวนไม่ได้ยึดหนังสือเดินทางไว้แต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี