กรมอุตุฯ เตือนมรสุม ส่งผล 35 จังหวัดทั่วไทย มีฝนตกหนัก ด้าน ปภ.เผยน้ำยังท่วมใน 9 จังหวัด ขณะที่ จ.นครราชสีมา เร่งระบายน้ำลำตะคอง ท่วมเมืองหลังฝนตกต่อเนื่อง 3 วัน ส่วนกาฬสินธุ์ น้ำไหลเข้าเขื่อนลำปาว กว่า 230 ล้าน ลบ.ม.เกินระดับเก็บกัก-เร่งระบาย
เพิ่ม กระทบ 10 อำเภอ กว่า 1,300 ครัวเรือน
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านอ่าวไทย และภาคใต้ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลางรวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออกและภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะในพื้นที่ 35จังหวัด
สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้
ขณะที่ พยากรณ์ฝนสะสม 24 ชั่วโมง บริเวณกทม.ตั้งแต่เวลา 07.00 น.วันเดียวกัน จนถึงวันที่ 13ตุลาคมนี้ คาดการณ์บริเวณที่มีฝนปานกลาง ในพื้นที่เขตห้วยขวาง ดินแดง บางนา
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากสถานการณ์ฝนตกหนักช่วงที่ผ่านมา ทำให้ระหว่างวันที่ 26 กันยายน–12 ตุลาคม 2566 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมใน 35 จังหวัด รวม 143 อำเภอ 531 ตำบล 2,679 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 54,497 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมใน 9 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย นครราชสีมา ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี รวม 32 อำเภอ 131 ตำบล 752 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,655 ครัวเรือน
ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ภายหลังเกิดฝนตกหนักสะสมต่อเนื่อง 3 วัน ทำให้มวลน้ำในลำตะคอง ช่วงไหลผ่านตัวเมืองนครราชสีมา โดยเฉพาะพื้นที่หน้าด่านประตูระบายน้ำเขื่อนคนชุม มีมวลน้ำจำนวนมากจนสภาพเต็มตลิ่ง ก่อนจะไหลผ่านประตูเขื่อนในอัตรา 40 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ทำให้มีน้ำไหลทะลักเข้าท่วมชุมชนมิตรภาพ ซอย 4 เขตพื้นที่ชั้นใน มีน้ำท่วมผิวจราจรในซอย รถยนต์ที่สัญจรผ่านไปมาต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะเดียวกันมวลน้ำในลำตะคองเขตชุมชนอยู่ในระดับเต็มตลิ่งเช่นเดียวกัน เทศบาลนครนครราชสีมา ต้องปักธงสีน้ำเงิน เตือนให้เฝ้าระวัง
นายสุคนธ์ เต็มยศยิ่ง ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง กล่าวว่า สภาพน้ำในลำตะคองเขตเมืองที่เต็มตลิ่ง เกิดจากฝนที่ตกสะสม 3 วัน ไม่ใช่มวลน้ำที่ระบายจากเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งขณะนี้ปิดการระบายน้ำอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากปริมาณน้ำเหลืออยู่ 50% ของความจุ แต่มวลน้ำจากฝนที่ตกสะสม ได้ทะลักท่วมพื้นที่ตัวเมือง จึงติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องสูบน้ำรวม 7 ตัว ใน 3จุด คือที่ประตูระบายน้ำข่อยงาม ลำปรุ และจอหอ เพื่อเร่งระบายน้ำออกนอกเขตตัวเมืองโดยเร็ว โดยภาพรวมสถานการณ์ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่ จ.กาฬสินธุ์ สถานการณ์น้ำที่เขื่อนลำปาว ปัจจุบันมวลน้ำยังคงเติมเข้าในอ่างฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงวันที่ 8-11 ตุลาคมที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำมากถึง 230 ล้าน ลบ.ม.ทำให้เขื่อนลำปาว มีปริมาณอยู่ที่ 2,127 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 107.42% จากความจุระดับกักเก็บ 1,980 ล้าน ลบ.ม.ยังเกินระดับกักเก็บอยู่ 147 ล้าน ลบ.ม.จำเป็นต้องระบายน้ำวันละ 29 ล้าน ลบ.ม.
นายสำรวย อินพิทักษ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ปรับลดปริมาณการระบายน้ำลงเหลือวันละ 20 ล้าน ลบ.ม.เพื่อลดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อน แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันยังมีฝนตก และมีปริมาณน้ำไหลเข้ามาเติมในอ่างฯ ต่อเนื่องทุกวัน โดยเฉพาะช่วงวันที่ 8-11 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้ามากถึง 230 ล้าน ลบ.ม.ทำให้อ่างฯ มีปริมาณน้ำเกินระดับเก็บกัก 147 ล้าน ลบ.ม.และมีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำจะไหลเข้าสูงอีก 7 วัน รวมทั้งปริมาณน้ำในลำน้ำชีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณฝนที่ตกหนักใน จ.ขอนแก่น และเขื่อนอุบลรัตน์ ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากวันละ 3 ล้าน ลบ.ม.เป็นวันละ 5 ล้าน ลบ.ม.ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา และจะทยอยปรับเพิ่มเป็น 15 ล้าน ลบ.ม.ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้
นายสำรวย กล่าวอีกว่า เพื่อเสถียรภาพของตัวเขื่อนฯ และรองรับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ ทางโครงการฯจึงมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 29.58 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน และจะติดตามสถานการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดพายุหรือฝนตกหนักในพื้นที่โครงการฯ จะปรับลดการระบายน้ำให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
ทั้งนี้จากสถานการณ์ที่มีมวลน้ำไหลเข้ามามากกว่าปกติในระยะเวลาสั้นๆจะเห็นได้ว่าเขื่อนลำปาวได้ทำหน้าที่รองรับ เก็บกัก หน่วงน้ำ และชะลอมวลน้ำจำนวนมหาศาลไว้ เพื่อน้ำป้องกันการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ท้ายน้ำได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.กาฬสินธุ์ รายงานว่าสถานการณ์น้ำท่วมปัจจุบันได้รับผลกระทบ 10 อำเภอ แบ่งเป็น 2 สถานการณ์ คือ น้ำท่วมด้านเหนือเขื่อน จากระดับน้ำของเขื่อนลำปาวที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นพื้นที่รอบเขื่อนลำปาว และเป็นเอกสารสิทธิ์สัญญาเช่าของกรมธนารักษ์ ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง ท่าคันโท หนองกุงศรี สหัสขันธ์ สามชัย และห้วยเม็ก รวม 24 ตำบล 134 หมู่บ้าน 3,799 ครัวเรือน มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 1,299 หลัง ด้านการเกษตรได้รับผลกระทบ 29,445 ไร่ ด้านประมง 95 ไร่ และถนน 183 สาย
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมด้านท้ายเขื่อน จากการระบายน้ำของเขื่อนลำปาว ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองร่องคำ ฆ้องชัย ยางตลาด และกมลาไสย รวม 34 ตำบล 263 หมู่บ้าน 7,339 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 876 หลัง ด้านการเกษตรได้รับผลกระทบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี