15แรงงานชุดแรกถึงไทย
ขอกลับ6พันคน
นายกฯสั่งปรับแผนอพยพ
ใช้เส้นทางรถไป‘จอร์แดน’
ยอดตาย21/ตัวประกัน16
ยิวประกาศฆ่าฮามาสทุกคน
แรงงานไทยชุดแรก 15 คน กลับจากอิสราเอล ชุดที่ 2 ซื้อตั๋วเองอีก 26 คน ถึงไทยแล้ว เผยยังทำใจไม่ได้เพื่อนร่วมชาติถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา นายกฯ สั่งปรับแผนอพยพคนไทยในอิสราเอล จ่อใช้เส้นทางรถ ออกจอร์แดน ยอดตาย21 ศพ ถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มอีกรวม 16 รายผู้นำอิสราเอลลั่นแก๊งค์ฮามาสต้องตายทุกคน สองฝ่ายสู้รบดับแล้ว 2,300 คน
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นำครอบครัวพี่น้องแรงงานไทย ร่วมกัน ต้อนรับแรงงานไทยทั้ง 15 คน กลับสู่ประเทศไทยอย่างปลอดภัย โดยทั้งหมดเดินทางถึงประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน แอลอัล LY083 จากประเทศอิสราเอล ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ประเทศไทย ในเวลา 10.35 น. โดยพี่น้องแรงงานไทยทั้งหมดจะเดินทางไปยังสถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี เพื่อการตรวจสุขภาพ และ กระทรวงแรงงานได้จัดเตรียมเงินช่วยเหลือในการเดินทางกลับภูมิลำเนา รายละ 15,000 บาท จาก กองทุนเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม รวมถึง การประสานงานประเทศอิสราเอล ถึงเงินช่วยเหลือเยียวยาจาก สวัสดิการตามกฎหมายอิสราเอลอีกจำนวนหนึ่ง และ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแด่พี่น้องชาวแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาในวันนี้ กระทรวงแรงงานได้จัดเตรียมรถรับส่งพี่น้องแรงงานชาวไทยและครอบครัวกลับสู่ภูมิลำเนา พร้อมประสานงาน กระทรวงต่างประเทศ และ กระทรวงคมนาคม ในอำนวยความสะดวกสำหรับพี่น้องแรงงานไทยที่เดินทางกลับในกลุ่มต่อๆไป
ดีใจได้รับคนไทยกลับบ้าน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ตนดีใจอย่างยิ่งที่พี่น้องแรงงานชาวไทยกลุ่มแรกเดินทางกลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย และ ตั้งตารอพี่น้องแรงงานชาวไทยที่ตกค้างอยู่ ณ ประเทศอิสราเอลในเวลานี้กลับมายังประเทศไทยได้ในเร็ววัน โดยขั้นต้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการ กระทรวงต่างประเทศ และ กระทรวงคมนาคม ในการเร่งเจรจา สายการบินพาณิชย์ เพื่อเร่งระดมในการจัดส่งเครื่องบินจำนวนมากที่สุดเพื่อรับพี่น้องแรงงานชาวไทยที่ตกค้างเดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งในนามกระทรวงแรงงานต้องขอขอบคุณในความกรุณาขอท่านนายกรัฐมนตรี และ หวังอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถนำพี่น้องแรงงานชาวไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวได้ในเวลาที่เร็วที่สุด
พร้อมส่งกลับไปทำงานอีก
“ผมอยากฝากถึงพี่น้องแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลทุกคน ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เดินทางกลับประเทศไทย และ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะไม่สามารถเดินทางกลับไปทำงานได้ ผมได้สั่งการ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำประเทศอิสราเอล ในการประสานนายจ้างเพื่อดำเนินการ จ่ายค่าจ้างส่วนที่ยังค้างจ่าย และ เจรจาเพื่อรักษาสิทธิแรงงานหากยังทำงานไม่ครบสัญญาจ้างเพื่อให้แรงงานไทยสามารถกลับไปทำงานได้อภายหลังจากสถานการณ์เกิดความสงบ รวมทั้งสอบถามความสมัครใจของแรงงานหากต้องการไปทำงานในประเทศอื่นๆ สำหรับพี่น้องแรงงานชาวไทย รวมถึง กรณีที่นายจ้างมีความประสงค์ในการย้ายพื้นที่ทำงานของพี่น้องชาวไทยในช่วงสู้รบนี้ หากพี่น้องแรงงานไทย ไม่ประสงค์ที่จะย้ายสถานที่ทำงาน หรือ เดินทางกลับประเทศไทย ท่านสามารถติดต่อไปยัง อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำประเทศอิสราเอล เพื่อทาง กระทรวงแรงงาน จะได้ประสานและเร่งดำเนินการแจ้งนายจ้างอย่างเร่งด่วน” รมว.แรงงาน
ให้การช่วยเหลือหมื่นห้า
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำหรับแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ เมื่อกลับมาถึงกระทรวงแรงงานมีการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ทันที รายละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นเงินสงเคราะห์ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม หรือ กรณีทุพพลภาพ จะได้รับการสงเคราะห์ คนละ 30,000 บาท กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ สงเคราะห์จำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่าง ประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท นอกจากนี้ยังได้รับสวัสดิการตามกฎหมายของประเทศอิสราเอล (ประกันการทำงาน + นายจ้างจ่าย) กรณีบาดเจ็บ/ พิการตามการรับรองของแพทย์ แบ่งเป็น บาดเจ็บ 10-19% ได้รับเงินก้อนเดียว ประมาณ 1,440,000 บาท บาดเจ็บเกิน 20% ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าจะเสียชีวิต โดยประเมินจากความสูญเสีย กรณีเสียชีวิตภรรยาและบุตร ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าภรรยาจะแต่งงานใหม่ และบุตรอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (ภรรยาเป็นเงิน 34,560 บาทต่อเดือน /บุตร เป็นเงิน 5,760-11,520 บาทต่อเดือน)
ด้าน นางญาณิศา ทวีแก้ว ญาติแรงงาน มารับลูกชาย ไปทำเกษตรอยู่ที่ตอนใต้ ใกล้ฉนวนกาซา 2 กิโลเมตร ดีใจที่ลูกชายได้กลับบ้านของคุณท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์และกระทรวงแรงงาน ที่ประสานงานจนลูกชายได้กลับบ้าน ส่วนนางมนฑกานต์ เสมามิ่ง ญาติแรงงานมารับสามี ขอขอบคุณนายพิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ประสานงาน จนได้มีวันนี้ ดีใจมากที่สุด
แถลงข่าวน้ำตาไหล
ต่อมา เวลา 12.22 น. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายก ฯและรมว.ต่างประเทศ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมและนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุขสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยคณะและ แรงงาน 15 คน ร่วมแถลงข่าว
นำคนไทยกลับให้เร็วที่สุด
นายปานปรีย์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยไม่นิ่งนอนใจ พยายามช่วยเหลือคนไทยให้รวดเร็วที่สุด ขณะนี้พบว่ามีคนไทยในอิสราเอลลงทะเบียนต้องการกลับบ้านจำนวนมาก ทางกระทรวงจะพาคนไทยกลับมาสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด
นายปานปรีย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การเดินทางภายในอิสราเอล ลำบากมาก เจ้าหน้าที่ของไทยทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และได้ประสานงานกับหลายประเทศ เพื่อช่วยคนไทยได้รับความปลอดภัย และกลับบ้านเร็วที่สุด
ขณะนี้ได้รับการแจ้งว่ามีคนไทยต้องการกลับ เกือบ 6 พันคน ทางการจะช่วยพี่น้องคนไทยกลับบ้านให้เร็วที่สุด
“ได้รับทราบจากแรงงานท่านหนึ่ง เวลานี้ สถานการณ์ภายในเมืองหลวง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมสถานการณ์ไว้แล้ว แม้จะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ยังไม่สงบ ซึ่งหมายความว่า พี่น้องคนไทยจะมีความปลอดภัยขึ้น ขณะเดียวกัยได้ประสานงาน กับการบินพาณิชย์หลายสาย ทุกสายในประเทศให้ความร่วมมืออย่างดี ถ้าเราติดต่อประเทศข้างเคียงได้ พร้อมจะพาคนไทยกลับมาทันที ทั้งนี้อาจจะมีความคิดว่านำคนไทยมาประเทศข้างเคียง เพื่อให้ได้รับความปลอดภัย ก่อนจะกลับประเทศไทยด้วย สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทางกระทรวงสาธาณาสุขจะรับมาดูแลให้ดีที่สุด”นายปานปรีย์ กล่าว
เตรียมลำเลียงจากดูไบ
ด้าน นายสุทิน กล่าวว่า ตอนนี้กังวลว่า จำนวนผู้อยากกลับประเทศ มีเพิ่มมากขึ้น ส่วนเครื่องบิน แม้กองทัพจะทำการบินเต็มที่ อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ นอกจากนี้ใช้เครื่องบินพาณิชย์แล้ว ตนได้หารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศว่ามีแผนอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ จึงมีแผนที่สอง คือ จะใช้เครื่องบินกองทัพอากาศ รับคนไทยออกจากอิสราเอลที่อยู่ในจุดที่เสี่ยง มาไว้ที่ประเทศดูไบก่อน หลังจากนั้น เมื่อแรงงานไทย พ้นอันตรายแล้วค่อยเดินทางกลับบ้านต่อไป
ดีใจที่ได้กลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากจบการแถลงข่าว 15 แรงงานไทย เดินไปหาครอบครัวของตน และโผเข้ากอดด้วยความดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง บางรายถึงกับน้ำตาไหลตัวแทนแรงงานที่รัฐบาลช่วยเหลือกลับประเทศ กล่าวว่า ตอนนี้ดีใจมากที่ทุกหน่วยงาน ช่วยคนบาดเจ็บได้กลับมาประเทศไทยได้ชุดแรก ตนโดนยิงที่หัวเข่า ตอนเช้าที่เกิดเหตุสู้รบกัน พบว่าเหตุการณ์มันรุนแรง นายจ้างจึงพาพวกเขาไปหลบภัยที่บ้าน เมื่อถึงเวลาเที่ยง นายจ้างพามาเก็บเสื้อผ้า กินข้าว ระหว่างทางก็มีเสียงปืนยิงมาจากถนน พวกตนหันไปมองว่าเสียงอะไรกัน และตอนโดนยิง ตอนแรกตนก้มไปดู นึกว่าก้อนหินโดน แต่ไม่ใช่เพราะเลือดไหล ตนเลยบอกให้เพื่อนหมอบ และบอกนายจ้างให้พาพวกเราหนี นายจ้างพาขึ้นรถหลบหนีไป ซึ่งระหว่างหลบหนีก็โดนยิงตลอดทาง เพื่อนอีก 4 คนที่ได้รับบาดเจ็บ
บอกเหตุการรุนแรงมาก
“วันนั้น คิดว่าไม่น่าจะมีชีวิตรอด เพราะมันรุนแรงมาก เขายิงมารัวๆ ยิงมาเป็นชุด กระหน่ำเอาให้พรุน นายจ้างขับรถมาถึงหมู่บ้าน ญาติของนายจ้างก็เข้ามาช่วยกันไปในที่หลบภัย และมารับพวกผมไปโรงพยาบาล” ตัวแทนแรงงานที่ได้กลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิติพงษ์ แรงงานไทยที่รัฐบาลช่วยเหลือกลับประเทศ จากจังหวัดหนองบัวลำภู ได้เจอคุณพ่อที่มารอรับ โดยพ่อได้นำสายสิญจน์ผูกข้อมือรับขวัญต้อนรับนายกิติพงษ์กลับบ้าน และนายกิติพงษ์ได้สวมกอดพ่อด้วยความดีใจ
นายกิติพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง ส่วนในอนาคตจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกหรือไม่นั้น ต้องดูอนาคตก่อนว่าจะกลับไปมั้ย เพราะที่บริษัทถูกถล่มยับ ตนไปเพื่อต้องการหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ตอนนี้อาจจะอยู่เมืองไทยทำใจสักระยะหนึ่งก่อน ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ เพราะสูญเสียเพื่อนร่วมงานถึง 6 คน ขอทำใจก่อน
กินไม่ได้นอนไม่หลับ
ด้าน นายบุญยง แรงงานไทยจาก จ.อุดรธานี ที่หมดสัญญาจ้างและเดินทางกลับประเทศไทยในไฟล์เดียวกัน กล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่ใน 15 คนไทยที่เดินทางกลับมาวันนี้ เพราะตนหมดสัญญาจ้างพอดี ตนออกเงินซื้อตั๋วเอง ตนทำงานอยู่ตอนใต้ ซึ่งถือว่าใกล้พื้นที่ปะทะมาก ตอนที่มีเหตุการณ์รุนแรง ก็มีญาติติดต่อไปเยอะ แต่ตนไม่รับสาย เพราะเสียงดัง กลัวอันตราย กลัวว่าเขาจะเห็น เขาจะได้ยิน กินไม่ได้ นอนก็นอนไม่ได้ เพราะผวาอยู่ตลอด ต้องฟังว่าเขาจะมาตอนไหน จะทำอะไรเรา เสียสุขภาพจิตมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคนไทยทั้ง 15 คนที่เดินทางกลับมาถึงประเทศแล้ว ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้พาขึ้นรถบัสที่เตีรยมไว้ไป สถาบันบำราศนราดูร เพื่อทำการตรวจร่างกาย และคัดกรองเพื่อช่วยเหลือต่อไป ส่วนคนไทยอีก 20 คนที่เดินทางกลับมาเองนั้น สามารถขึ้นรถทัวร์กลับบ้านได้ทันที
กลับถึงไทยแล้ว 41 คน คน
นายปานปรีย์ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงแรงงานไทยเป็นอย่างยิ่งและได้มอบหมายให้ตน พร้อมรัฐมนตรีมาต้อนรับผู้ที่เดินทางกลับมาในวันนี้ รวมทั้งหมด 41 คน โดยได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตไทยในอิสราเอล 15 คน และอีก 26 คน ซื้อตั๋วเดินทางกลับมาเอง ยืนยันทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ในการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในอิสราเอลและแสดงความจำนงให้เดินทางกลับมาประเทศไทยเร็ว และปลอดภัยที่สุด
เผยคนไทยเสียชีวิตแล้ว21ศพ
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 12 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางจากประเทศมาเลเซียไปยังสาธารณรัฐสิงคโปร์ ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางว่า ล่าสุดได้รับรายงานมีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย รวมเป็น 21 ราย ขณะเดียวกันมีความพยายามที่จะหาช่องทางอื่นในการช่วยอพยพคนไทยออกจากพื้นที่ แต่เส้นทางทางเรือต้องผ่านกาซา ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่อันตราย จึงไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้ ส่วนอีกเส้นทางอาจเป็นทางรถยนต์ และผ่านทางจอร์แดนแทน ยืนยันรัฐบาลพยายามดูแลคนไทยเต็มที่ โดยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือคนไทยให้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด
นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎร มีรายงานว่าพบคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่ม 2 รวมเป็น 16 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิต เพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 21 คน และขณะนี้ รัฐบาลไทย กำลังพยายามเจรจากับกลุ่มฮามาส เพื่อให้ปล่อยตัวประกันทั้ง 16 ราย
‘เนทันยาฮู’สั่งขยี้”ฮามาส’ทุกคน
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสได้ตัดศีรษะของทหารและข่มขืนผู้หญิงระหว่างการเปิดฉากโจมตีที่อิสราเอลที่เริ่มขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
เนทันยาฮูให้คำมั่นว่า อิสราเอลจะบดขยี้และทำลายกลุ่มฮามาส เพื่อตอบโต้การโจมตีดังกล่าว และสมาชิกของฮามาสทุกคนคือคนตาย
ผู้นำอิสราเอลประกาศจุดยืนดังกล่าวระหว่างกล่าวถ้อยแถลงผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในช่วงค่ำคืนของการทำสงครามวันที่ 5 ขณะที่เครื่องบินของอิสราเอลเปิดฉากถล่มโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง
คำกล่าวอ้างของเขาว่ามีการตัดศีรษะทหารอิสราเอลยังไม่ได้รับการยืนยันโดยการตรวจสอบอย่างอิสระ แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและพยานผู้เห็นเหตุการณ์ได้เป็นผู้บอกเล่าเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นดังกล่าว
สงครามได้คร่าชีวิตของทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ไปแล้วมากกว่า 2,300 ราย และคาดว่าเหตุการณ์รุนแรงจะบานปลาย
กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลแล้วมากกว่า 1,200 ราย ขณะที่ในฉนวนกาซากระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 1,100 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 5,300 คนจากการโจมตีตอบโต้กลับของอิสราเอล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี