กระหึ่มนครพนม
งาน‘ไหลเรือไฟ’
ประเพณีอีสาน
นักท่องเที่ยวแน่น
นครพนม เปิดงานไหลเรือไฟอลังการ โชว์ความงามกลางสายน้ำคืนแรก 2 ลำ นักท่องเที่ยวรอชมเต็มอัฒจันทร์
นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนมพร้อมด้วย นางสงวน จันทร์พรนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม นำข้าราชการเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน นักท่องเที่ยว เปิดงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ และงานกาชาดประจำปี 2566 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-30 ตุลาคม 2566 รวม 11 วัน 11 คืน ที่เวทีหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวอีสาน ที่อยู่ในแถบลุ่มน้ำต่างๆ รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดน โดยทุกคืนจะมีการไหลเรือไฟโชว์ วันละ 1 ลำ ส่วนคืนแรกได้จัดไหลโชว์ จำนวน 2 ลำ โดยมีประชาชน นักท่องเที่ยว รอชมความงามของเรือไฟเต็มอัฒจันทร์
สำหรับไฮไลท์ของงานมีขึ้นในคืนวันที่ 29 ตุลาคม 2566 โดยได้การประกวดไหลเรือไฟ จากศิลปินเรือไฟ 12 อำเภอ ทั้งหมด 12 ลำ มีความยาวกว่า 70 -80 เมตร สูงประมาณ 20 -30 เมตร ติดตะเกียงไฟจากภูมิปัญญาชาวบ้าน มากกว่า 20,000 – 30,000 ดวง ทุ่มทุนสร้างมูลค่านับล้านบาท เพื่ออวดสายตาประชาชน นักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวชม ถือเป็นการแสดงออกถึง ความรัก สามัคคี ของชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นพลังศรัทธา ที่ยิ่งใหญ่ สืบสานมาแต่โบราณ
คืนแรกได้มีการจัดโชว์ไหลเรือไฟ สนับสนุนโดยเทศบาลเมืองนครพนม รวมถึงปกครองจังหวัดนครพนม รวม 2 ลำ โดยมีการโชว์วิถีชีวิตของศิลปินเรือไฟ ที่ร่วมแรงร่วมใจสร้างเรือไฟ จากไม้ไผ่เกือบ 10,000 ลำ นำมาต่อเติมเป็นโครงสร้าง ลักษณะคล้ายแพวางทุ่นลอยในแม่น้ำโขง มีโครงสร้าง ความยาวประมาณ 50 -80 เมตร ความยาวประมาณ 20 -30 เมตร แล้วแต่ความศรัทธา และการออกแบบ ก่อนที่จะมีการทำเหล็กดัดเป็นลวดลายต่างๆ เพื่อติดตั้งตะเกียงไฟ จากขยะกระป๋องกาแฟ นำมาประยุกต์เป็นตะเกียงน้ำมัน ดีเซล ผสมน้ำมันก๊าด แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน นำไปแขวนตามลวดลายส่องสว่างสวยงามตระการตา ส่องสว่างออกมาเป็นลวดลาย นานกว่า 2 -3 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ลวดลายตะเกียงไฟ จะเป็นสัญลักษณ์ของ จ.นครพนม รวมถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว เทิดทูนสถาบันสำคัญ
นอกจากนี้ก่อนการปล่อยเรือไฟ จะมีการโชว์จุดตะเกียงไฟ ทีละดวงจากแรงงานคน แสดงออกให้เห็นความรัก ความสามัคคี และพลังศรัทธาของบรรดาศิลปินเรือไฟ ก่อนจะมาเป็นเรือไฟ ต้องลงทุนหลายแสนบาท บางลำทุ่มทุนมูลค่านับล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 1 เดือน เพื่อไหลโชว์แค่คืนวันออกพรรษาวันเดียว
ด้าน นายพนม พุทธาผา อายุ 49 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโพนบก ต.โพนบก อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เจ้าของรางวัลศิลปินเรือไฟ เมื่อปี 2551 ตัวแทนศิลปินเรือไฟ เปิดเผยว่า สำหรับเรือไฟของชาว จ.นครพนม ไม่เพียงสร้างความสวยงาม ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม เท่านั้น ความสำคัญของเรือไฟ คือเกิดจากความรัก ความสามัคคี เกิดจากความศรัทธา ของชาวบ้าน ที่มีต่อน้ำโขง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตามประเพณีความเชื่อ แรงงานที่มาร่วมแรงร่วมใจกันเกิดจากพลังศรัทธา ไม่หวังค่าจ้างแรงงาน ความภาคภูมิใจคือ การได้ไหลเรือไฟโชว์ประชาชน นักท่องเที่ยว สำหรับความสวยงามของเรือไฟ ขึ้นอยู่กับการวางตำแหน่งตะเกียงไฟที่ทำจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นความชำนาญจากการลองผิดลองถูก ไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย การออกแบบลวดลายเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ฝากพี่น้องประชาชน มาเที่ยวชมงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ในคืนวันออกพรรษา รับรองจะได้เห็นความยิ่งใหญ่อลังการ และพลังศรัทธาที่เกิดจากความสามัคคีของชาวบ้าน ในพื้นที่ 12 อำเภอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี