วันที่ 3 พ.ย.66 นายวัชรินทร์ เจียวิริยบุญญา รองประธานสภาอุตสาหกรรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ งานการค้าชายแดนอีสานตอนบน เปิดเผยว่า การประกอบกิจการหินทรายในลำน้ำโขงพื้นที่ จ.นครพนม ถือเป็นการสร้างรายได้เชิงธุรกิจนำเข้า โดยรัฐมีรายได้จากการเก็บภาษี รวมถึงลดต้นทุนการก่อสร้าง ทำให้ประชาชนทั่วไปและธุรกิจก่อสร้างสามารถซื้อหินทรายได้ในต้นทุนต่ำ แทนการซื้อมาจากต่างจังหวัดที่ต้องบวกต้นทุนค่าขนส่ง ทำให้ต้นทุนในการก่อสร้างสูงขึ้น
โดยการประกอบธุรกิจหินทรายในแม่น้ำโขง เส้นแบ่งพรมแดนระหว่างไทยกับลาวจะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ 1.นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว) ในส่วนนี้มีศุลกากรรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 86 วรรค 2 เกี่ยวกับการขออนุญาตนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน มีด่านศุลกากรเป็นเจ้าภาพดูแล รวมถึงหน่วยงานความมั่นคง และ 2.ในมาตรา 9 ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการขออนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ.2546 โดยเป็นการดูดทรายในราชอาณาจักร แต่จะต้องไม่เป็นพื้นที่มีเขื่อนป้องกันตลิ่ง มีหน่วยงานที่ดินเป็นเจ้าภาพดูแล
ปัจจุบันหลังจากจังหวัดนครพนมได้ตั้งหน่วยงานขึ้นมาตรวจสอบกำกับดูแลผู้ประกอบกิจการดูดหินทรายในแม่น้ำโขงรวม 17 หน่วยงาน ส่วนตัวถือเป็นการตั้งซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองงบประมาณในการตรวจสอบดูแลเพราะมีงบประมาณจำกัด สุดท้ายภาระทั้งหมดจะตกไปยังผู้ประกอบการ เกิดปัญหาเรียกรับเงินจากบางหน่วยงานอ้างเป็นค่าวิชาเสนอทางลัด ลดขั้นตอน อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ
รองประธานสภาอุตสาหกรรมอีสาน กล่าวอีกว่า ห้วงระยะเวลาดูดหินทราย มีประมาณ 8 เดือนที่สามารถดำเนินกิจการได้และต้องพักอีก 4 เดือนเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ โดยมีระยะเวลาการทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.- 30 มิ.ย.ของทุกปีแต่พอถึงเวลาเริ่มฤดูกาล กลับเจอปัญหาบางหน่วยงานยื้อเวลาไม่ทำงานเชิงรุกอ้างรอขั้นตอนตรวจสอบเอกสารหรือขั้นตอนการอนุญาตทำให้ผู้ประกอบกิจการเสียประโยชน์แทนที่จะทำงานตามห้วงเวลาที่กำหนดเพราะเอกชนต้องลงทุน ไม่ได้กินเงินเดือนเหมือนภาครัฐ ซ้ำร้ายกลายเป็นช่องว่างให้เจ้าหน้าที่รัฐบางคนฉวยโอกาสเรียกรับ โดยเสนอขั้นตอนทางลัดให้ได้มาซึ่งใบอนุญาต
ทางออกที่ดีคือหาหน่วยงานให้เป็นเจ้าภาพหลักมีอำนาจเบ็ดเสร็จ บริการแบบวัน สต็อป เซอร์วิส (ONE STOP SERVICE) ตัดหน่วยงานซ้ำซ้อน ปัญหาอื่นๆ จะได้จบในฐานะตัวแทนภาคเอกชน ตนติดตามตรวจสอบ ศึกษาข้อมูลมาหลายปี มั่นใจว่าการประกอบกิจการหินทรายในลำน้ำโขง มีผลดีมากกว่าผลเสีย ทั้งด้านเศรษฐกิจและระบบนิเวศ
ทั้งนี้ มาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินฉบับเก่า ระบุว่าผู้ที่ได้รับอนุญาตดูดทราย ต้องอยู่ห่างจากชายฝั่งของไทยอย่างน้อย 120 เมตรแต่ห้ามออกจากฝั่งเกิน 160 เมตร แต่หากเป็นกฎหมายฉบับใหม่อนุญาตให้ดูดทรายนอกชายฝั่งไทยได้ไม่เกิน 200 เมตร ส่วนประเภทนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว) เป็นไปตาม พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 86 วรรค 2 เกี่ยวกับการขออนุญาตนำเข้า โดยการประกอบกิจการทั้ง 2 ประเภท ผู้ประกอบการจะต้องขออนุญาตจากทางคณะกรรมการระดับจังหวัดทำการตรวจสอบก่อนออกใบอนุญาต โดยมีอายุครั้งละ 1 ปี แต่ดำเนินกิจการได้จริงๆเพียง 8 เดือนเท่านั้น - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี