คืนเก้าอี้‘5เสือสภ.ช้างเผือก’ไร้บกพร่องปมผับเถื่อน ไม่เกาเหลาฝ่ายปกครอง
6 พฤศจิกายน 2566 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ (ผวจ.เชียงใหม่) เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ปัญหาสถานบันเทิงกระทำผิดกฎหมาย จนเป็นกระแสให้วิจารณ์หนักในพื้นที่ สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ว่า วันที่มีการเข้าตรวจสอบจับกุมสถานบันเทิงในเขตรับผิดชอบ สภ.ช้างเผือก ที่ฝ่ายปกครองพิเศษจากส่วนกลางขึ้นมาจับกุม ทางฝ่ายปกครองทั้งของจังหวัดเชียงใหม่และเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ สภ.ช้างเผือก ก็ไปด้วย โดยไม่ได้มีความขัดแย้งกันแต่ประการใด เป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีมนี่คือความเป็นจริง
นายนิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำหนังสือชี้แจงถึงอธิบดีกรมการปกครอง เรื่องหนังสือเอกสารที่ทางตำรวจ สภ.ช้างเผือก เสนอปิดสถานบันเทิงในเขตรับผิดชอบที่กระทำผิดกฎหมาย แล้วทางจังหวัดออกมาระบุได้ทำเอกสารหาย เพราะมีการโยกย้ายห้องทำงานต่างๆ ตนได้ข้อมูลจาก ผกก.สภ.ช้างเผือก ว่า เคยทำหนังสือส่งให้ทางจังหวัดเพื่อเสนอปิดสถานบันเทิงในเขตรับผิดชอบที่กระทำผิดกฎหมายกว่า 30 แห่ง โดยเฉพาะสถานบันเทิงที่ถูกจับกุมล่าสุดด้วย ที่ทำเรื่องเสนอปิดไปถึง 6 ครั้ง
“ผมได้ให้ไปตรวจสอบดูอีกครั้งว่าการเสนอปิดเกิดขึ้นเมื่อไร ทำไมถึงไม่เห็น ปรากฏว่าไม่ใช่ 2 ปีนี้ เคยเสนอปิดปี 2563 จึงได้ให้ไปหาว่าเรื่องดังกล่าวไปถึงไหนอย่างไร เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย” ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว
ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันนี้สถานที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 ตนได้ลงนามหนังสือสั่งปิดไปแล้ว ไม่ต้องรอตรวจสอบอะไรแล้ว และห้ามใช้อาคารสถานที่ ในฐานะผู้ว่าฯได้ใช้อำนาจหน้าที่ที่อยู่ในกระบวนการนั้นแล้ว ตอนนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายก็ให้เขาชี้แจงมาภายใน 15 วัน หลังจากนั้นหากไม่มีอะไรก็ให้ดำเนินการสั่งปิดถาวร 5 ปี
นายนิรัตน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ฝ่ายปกครองพิเศษไปเลี้ยงฉลองกัน และสถานบริการปิดเกินเวลาจนตำรวจ สภ.ช้างเผือก ไปจับกุมนั้น สถานประกอบการจุดนี้เป็นเพียงร้านอาหารที่มีการไปกินกันเอง และคงไม่มีความผิดอะไร
ด้าน พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (รรท.ผบช.ภ.5) เปิดเผยว่า ตอนที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก และฝ่ายปกครองทั้งพิเศษและจังหวัดเชียงใหม่ มีการจับกุมสถานบริการที่มีเด็กเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปถึง 242 คน เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง , ตำรวจ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ เรื่องนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง โดยให้ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เป็นคนแต่งตั้ง และมีผลการสืบสวนมาแล้วว่าตำรวจ สภ.ช้างเผือก ไม่มีความบกพร่อง ได้มีการตรวจตราดูแลและมีการจับกุม ตลอดจนมีการเสนอสั่งปิดสถานบริการแห่งดังกล่าว
“เมื่อทางตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้รายงานมาแล้วว่าตำรวจ สภ.ช้างเผือก ไม่ได้มีความบกพร่อง ผมจึงสั่งการให้ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.ช้างเผือก แล้ววันนี้ ส่วนเรื่องกระแสข่าวความขัดแย้งระหว่างปกครองกับตำรวจ ไม่มีอย่างสิ้นเชิง เราทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ” พล.ต.ต.กฤตธาพล กล่าว
ส่วน พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก กล่าวว่า ตนได้รับความเป็นธรรมกลับมาแล้ว ดีใจ ตนทำงานอย่างตรงไปตรงมา สถานบันเทิงหรือสถานประกอบการจุดไหนกระทำผิดกฎหมายตนได้เข้าดำเนินการและเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ปิดทันที รวมทั้งพวกลักลอบเปิดบ่อนและอบายมุกทุกประเภท ตนไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และสามารถชี้แจงได้ทุกเรื่อง ดีใจและภูมิใจที่ตนได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้และได้ถูกส่งตัวกลับมาปฏิบัติหน้าที่อย่างเดิม
ทั้งนี้ ตำรวจ สภ.ช้างเผือก โดย ผกก.สภ.ช้างเผือก และ ผวจ.เชียงใหม่ ได้จับมือกัน เพื่อที่จะร่วมกันทำงานแบบบูรณาการกันต่อไป
ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมตรวจเยี่ยมรับฟังแนวทางการปฏิบัติราชการ ในสายงานป้องกันปราบปรามที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ถึงกรณีที่ได้สั่งการให้ รรท.ผบช.ภ.5 พิจารณาคำสั่งให้ ผกก.สภ.ช้างเผือก ไปช่วยราชการทันที ภายหลังจากทุกฝ่ายปกครองจับกุมสถานบริการผิดกฎหมายในพื้นที่นั้น เนื่องจากต้องการให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพราะที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับต่างๆในพื้นที่ต้องรับผิดชอบกรณีที่บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ และมีหน่วยงานอื่น หรือหน่วยงานตำรวจส่วนกลางมาจับกุม สิ่งผิดกฎหมายที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ เช่น บ่อนการพนัน หรือสถานบริการ ด้วยการสั่งให้ไปช่วยราชการทันที พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เตรียมให้ทบทวนคำสั่งการพิจารณาโยกย้ายดังกล่าว เพราะส่วนตัวมองว่าการโยกย้ายทันทีหลังเกิดเหตุจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ไม่ได้ตอบโจทย์การแก้ปัญหา ทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพของสถานีตำรวจนั้นด้อยลง เนื่องจากไม่มีคนทำงาน อีกทั้งยังต้องมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่จากสถานีอื่นไปรักษาราชการแทน เป็นการเสียกำลังพลโดยใช่เหตุ ซึ่งได้หารือในเรื่องดังกล่าวกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์สุวิมล ผบ.ตร. เพื่อพิจารณาแนวทางให้มีความเหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และภารกิจของตำรวจที่เพิ่มขึ้นมาก โดยยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้ตำรวจในพื้นที่ย่อหย่อนหรือได้ใจ แต่เป็นการสร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน แต่หากกระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษทางกฎหมายแน่นอน
ส่วนกรณีที่ทางรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายขยายเวลาเปิดสถานบริการ ในบางพื้นที่ (โซนนิ่ง) ไปจนถึงเวลา 04:00 น. ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศใช้ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้นั้น เบื้องต้นเรื่องดังกล่าวยังเป็นเพียงแนวคิดที่อยู่ระหว่างการศึกษา เนื่องจากยังต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาการกำหนดโซนนิ่งก่อน หากมีความพร้อมก็อาจประกาศบังคับใช้ได้ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ แต่หากยังไม่มีความพร้อมก็ต้องมาหารือร่วมกันอีกครั้ง แต่การบังคับใช้กฎหมายต่างๆยังคงเป็นไปตามเดิม และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมสนับสนุนกำลังในการรักษาความปลอดภัยและร่วมตรวจสอบสถานบริการต่างๆตามอำนาจหน้าที่และกำลังที่มี
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี