สายไหมฯพาผู้เสียหาย 3 รายถูกหลอกไปทำงานไต้หวัน แต่สุดท้ายถูกเอาไปปล่อยบนภูเขาเพื่อเตรียมขายต่อ หนีมาเกือบตาย
6 พ.ย.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 นาย เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงานได้
พาผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนนายกรัฐมนตรี โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับเรื่อง
คดีแรก ผู้เสียหาย 3 รายที่ตกเป็นเหยื่อจากขบวนการค้ามนุษย์ ถูกหลอกว่าจะพาไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน สุดท้ายโดนนำตัวไปปล่อยทิ้งไว้บนภูเขาเพื่อเตรียมขายต่อ จึงตัดสินใจหลบหนีจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ร้องเพจสายไหมต้องรอดช่วยเหลือ โดยเหยื่อทั้ง 3 ราย เพิ่งกลับถึงประเทศไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยผู้เสียหายในคดีแรก กล่าวว่า รู้จักกับนายหน้าคนดังกล่าว จากการที่นายหน้ารายนี้ เคยมาพาคนในหมู่บ้านที่จ.หนองคายไปทำงานที่ไต้หวันมาก่อน มีรีวิวให้ดูว่าสามารถพาคนไปทำงานได้จริง ตนและภรรยารวมถึงน้องในหมู่บ้านเดียวกันอีก 1 คนจึงหลงเชื่อ โดยนายหน้าบอกว่าจะพาไปทำงานที่สวนส้มในไต้หวัน คิดค่าตั๋วเครื่องบินและค่าดำเนินการทุกอย่างคนละ 50,000 บาท ตนและภรรยาหาเงินมาได้เพียง 70,000 บาท ก่อนจะโอนไปให้นายหน้ารายนี้ จากนั้นนายหน้าได้นัดให้ไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา
ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า เมื่อไปถึงไต้หวัน มีชาวไต้หวันมารับ ก่อนจะพาไปที่ภูเขาแห่งหนึ่ง นายหน้าอ้างว่าเจ้าของสวนส้มที่จะให้ไปทำงานในตอนแรกเสียชีวิต จึงไม่มีสวนส้มให้ไปทำงานแล้ว ให้ไปพักคอยที่ห้องเก็บของเก่า ๆ ตีนภูเขาดังกล่าวก่อน แต่เมื่อไปถึง ตนและน้องอีกคนซึ่งเป็นผู้ชาย กลับถูกบังคับให้ขึ้นไปถอนหญ้าบนยอดเขา โดยให้ภรรยาของตนเฝ้าที่พักอยู่ตามลำพังบนยอดเขา ตนกับน้องถูกทิ้งให้ทำงานทั้งวันจนมืดค่ำ มีเพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ห่อกับน้ำ 6 ขวด ซึ่งก็หมดไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมารับกลับ
ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า ตนพยายามติดต่อนายหน้าคนไทย แต่ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ด้วยความที่ตนเป็นห่วงภรรยา ไม่สามารถติดต่อกันได้ จึงต้องเดินลงจากเขาเอง ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นก็ต้องคอยหลบตำรวจตลอดเวลา หลังจากนั้นมีคนไทยและชาวไต้หวันมารับพวกตน อ้างว่าจะพาไปทำงานอีกที่หนึ่ง เป็นสวนแตงโม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำงาน และให้พักคอยอยู่ที่โรงแรม
ผู้เสียหาย กล่าวด้วยว่า ตนเห็นท่าไม่ดี จ่ายเงินไปแล้วแต่กลับไม่ได้ทำงานจริง อีกทั้งยังถูกพาเปลี่ยนที่พักไปเรื่อย ๆ เกรงว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ จึงปรึกษากับพี่คนไทยที่มาอาศัยและเปิดร้านอาหารอยู่ที่ไต้หวันและเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก แนะนำว่าขบวนการดังกล่าวอาจเป็นขบวนการหลอกลวง พวกตนจึงตัดสินใจหนีออกมา
แต่เมื่อจะเดินทางกลับไทยตามเที่ยวบินที่นายหน้าซื้อไว้ให้ เมื่อไปถึงสนามบินกลับพบว่าเป็นตั๋วเครื่องบินปลอม ไม่พบข้อมูลในบันทึกสายการบิน สุดท้าย พี่คนไทยจึงต้องซื้อตั๋วเครื่องบินช่วยเหลือพาพวกตนทั้ง 3 คนกลับถึงไทยเมื่อคืนวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา วันนี้จึงประสานผ่านเพจสายไหมต้องรอดเพื่อขอเข้าร้องทุกข์ ให้รัฐบาลช่วยเหลือเร่งรัดจับกุมตัวนายหน้าและขบวนการหลอกคนไทยไปทำงานที่ไต้หวัน เพราะไม่อยากให้มีคนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่ออีก รวมถึงติดตามเงินที่เสียไปกลับคืนมา
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า เบื้องต้นประสาน บช.ก. ให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันที่ 7 พ.ย.นี้ และเร่งรัดจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีและคืนทรัพย์ให้ผู้เสียหายต่อไป ส่วนผู้ร่วมขบวนการที่ไต้หวัน จะต้องขยายผลออกหมายจับและทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามกระบวนการ พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ ให้ตรวจสอบว่าเป็นบริษัทจัดหางานที่จดทะเบียนถูกต้องกับกระทรวงแรงงานหรือไม่ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี