ขับเคลื่อน : นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนด้านอุตสาหกรรมองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผลักดันผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ก ให้สามารถแข่งขันกับภาคเอกชน และเจาะตลาดระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้สามารถทำกำไรได้ดี
นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่มอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนด้านอุตสาหกรรม ที่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ว่าปัจจุบันการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมมีอุปสรรคจากการเกิดโรคระบาดในวัว (ลัมปี สกิน) ต้นทุนอาหารสูง ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมขาดทุนจึงเลิกกิจการ ส่งผลให้น้ำนมดิบมีปริมาณลดลง และเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 อ.ส.ค.ได้ปรับราคาซื้อน้ำนมดิบ ณ โรงงาน เพิ่มขึ้น 2.25 บาท/กิโลกรัม เป็น 22.75 บาท/กิโลกรัม เพื่อบรรเทาปัญหาให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้น
รวมถึงผลักดันให้ อ.ส.ค.ผลิตน้ำนมแปรรูปในเชิงพาณิชย์
นายไชยา กล่าวต่อว่า ผลิตภัณฑ์นมของ อ.ส.ค.(นมไทย-เดนมาร์ก) มีเครื่องจักรและกระบวนการผลิตที่ดี อันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นผลิตภัณฑ์นมที่คนไทยเลือกซื้ออันดับ 1 ซึ่งสามารถแข่งขันกับภาคเอกชนได้ จึงมอบนโยบายให้ อ.ส.ค.วางแผนส่งเสริมกิจการโคนมแบบนักธุรกิจในปี 2567 เพื่อให้สามารถแข่งขันกับภาคเอกชน รวมถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จากการจัดทำแบรนด์สินค้าเจาะตลาดระดับบน เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง สามารถทำกำไรได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.ส.ค.มีต้นทุนจากแหล่งน้ำนมดิบที่มีคุณภาพ ทำให้มีจุดขายสินค้าที่คุณค่าทางอาหารมากกว่าผู้ประกอบการที่ผลิตจากน้ำนมแปรรูปจากนมผง และผันตัวไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ในท้องถิ่นรับช่วงต่อในการจำหน่ายนมโรงเรียนแทน พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวฟาร์มโคนมและผลิตภัณฑ์นมของ อ.ส.ค.
นอกจากนี้ รมช.เกษตรฯ ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและให้กำลังใจเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ที่สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค (มิตรภาพ) ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมขอให้แก้ไขปัญหาต้นทุนอาหารสำหรับโคนมมีราคาสูง รวมถึงต้องการจำหน่ายน้ำนมดิบในราคาตามกลไกตลาด เพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสามารถมีรายได้
จากนั้น นายไชยา ได้เยี่ยมชมการบริหารฟาร์มโคนมเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer) ที่ประทีปฟาร์ม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อนำหลักคิดแบบเอกชนไปปรับใช้กับเกษตรกรโคนมที่อยู่ภายใต้การดูแลของ อ.ส.ค.โดยประทีปฟาร์มมีการจัดการดูแลผลผลิตจากโคนมทั้งระบบแบบลดการเกิดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) และสามารถสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่ม อาทิ แม่วัวปลดระวาง สามารถเป็นเนื้อที่แทรกไขมันอย่างดี มูลวัวนำมาแยกกากจัดทำเป็นปุ๋ย เป็นต้น ซึ่งโคนมแต่ละตัวได้ให้อาหารหยาบคุณภาพดี และมีหลักคิดในการปูพื้นยางรองรับน้ำหนักให้โคนมมีสุขภาพดี ส่งผลให้สามารถผลิตน้ำนมได้วันละ 16 กิโลกรัม/ตัว/วัน ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานที่ อ.ส.ค.กำหนดไว้ที่ 12 กิโลกรัม/ตัว/วัน
“เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเป็นอาชีพที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ทรงเล็งเห็นว่าจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า ทั้งยังช่วยให้เกษตรกรไทยได้มีอาชีพที่มั่นคง จึงขอฝากให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมช่วยกันส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมให้มากขึ้น” นายไชยา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี