ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร สามสาวไทยถูกมิจฉาชีพหลอกไปขาย หนีตายมา สถานทูตเรียกค่าเดินทาง 6 หมื่น ไม่มีจ่ายเลยเรียกรถเอง ยังถูกจับไปเรียกค่าไถ่ซ้ำ กว่าจะรอดตายกลับมา

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีสาวไทยถูกล่อลวงไปค้าบริการที่เมียนมา โดยบางคนถูกหลอกผ่าน TikTok โดยอ้างว่าเป็นทัวร์พาเที่ยวเมียนมา แต่พอไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี หนีตายออกมาก็ยังมาถูกจับเรียกค่าไถ่ซ้ำ กว่าจะรอดมาถึงเมืองไทยได้แทบเอาชีวิตไม่รอด

ผู้เสียหายรายแรกเล่าว่า เล่น TikTok แล้วเจอคอนเทนต์ขายทัวร์นำเที่ยว เป็นโปรแกรมเที่ยวเชียงตุง เมียนมา ตนเป็นคนเชียงรายอยู่แล้ว เห็นว่าเป็นทัวร์ราคาถูก ประมาณ 8,000 กว่าบาท พอตนสนใจก็ติดต่อไปพูดคุย คนที่คุยกับเราเป็นผู้หญิงชาวไทยใหญ่ ตอนแรกบอกว่าเป็นเอเจนต์นำเที่ยว แต่พอไปถึงเขาพาเราขึ้นรถกระบะ แล้วบอกเราตรงๆ ว่าจะพาเราไปขายบริการ เพราะซื้อตัวเรามาแล้วในราคา 25,000 หยวน ต้องทำงานรับแขก ถึงจะได้กลับบ้าน

คุณเอเล่าว่า พอถูกพาตัวไปถึงเมืองป๊อก ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน ปลายทางเป็นสถานบันเทิงครบวงจรชื่อว่า KTV มีทั้งบ่อนคาสิโน ซ่อง และสถานบันเทิงรวมอยู่ด้วยกัน โดยเจ้าของเป็น “พ่อเลี้ยง” เป็นชาวจีน เขาบังคับให้เราถ่ายรูปคู่กับเงินสด และบังคับให้เซ็นสัญญา ที่เป็นภาษาจีนทั้งฉบับ และถูกบังคับให้ค้าบริการ ถ้าใครไม่ยอมรับแขกก็จะถูกซ้อม ถูกทำร้ายร่างกาย
ตอนที่มาถึง KTV คุณเอ ได้พบคนไทยอีก 2 คนก็คือ คุณบี และคุณซี ซึ่งเดินทางมาเที่ยวกันเองกับกลุ่มเพื่อน ก่อนจะถูก “เพื่อนของเพื่อน” ที่มาเที่ยวด้วยกัน หลอกไปขายให้กับ KTV เมื่อ 3 สาวไทยมาคุยกัน จึงพยายามหาช่องทางติดต่อญาติที่อยู่ไทยให้มาช่วย คุณเอถ่ายรูป ส่งไลน์เล่าให้แม่ฟังว่าถูกหลอกมาขาย แต่ต่อมา คุณเอก็ถูกแยกตัวไป ส่งไปที่อีกเมืองชื่อว่า เมืองหนึ่ง ทราบมาว่าเป็นสำนักงานใหญ่ของพ่อเลี้ยงรายนี้

แม่ของคุณเอ ที่อยู่ที่เมืองไทย พอทราบเรื่องจากลูกสาว ก็ติดต่อหา คุณปวีณา หงสกุล เพื่อให้ประสานขอความช่วยเหลือ ช่วยผู้เสียหายออกมาให้ได้ โดยประสานงานผ่านทางทางการเมียนมา จนกระทั่งตำรวจเมียนมาเอารายชื่อของคุณเอ ไปขอรับตัวคืนจาก KTV โดยมี คุณบีและคุณซี

หลังจากตำรวจช่วยออกมาแล้ว เขามาพามาอยู่ที่บ้านพักตำรวจ หลังจากนั้นพวกตนก็เข้าไปติดต่อที่เฟซบุ๊กของสถานทูตไทยประจำย่างกุ้ง ขอความช่วยเหลือให้ช่วยส่งกลับบ้าน ปรากฏว่าทางสถานทูตให้แอดไลน์ แล้วแจ้งว่า ต้องจ่ายค่าเดินทางคนละ 6 หมื่นบาท ซึ่งพวกตนไม่มีเงินขนาดนั้น พิมพ์อะไรไปก็ทิ้งช่วงหลายวันกว่าจะตอบ จนเราเห็นว่าไม่ได้การ จึงพยายามหาช่องทางอื่น

กระทั่งเดือนมิถุนายน พวกตนมาเจอคนไทยใหญ่ในเมียนมา เขาแจ้งว่าจะมีมอเตอร์ไซค์มารับเราได้ พาออกจากเมืองป๊อก ไปส่งถึงเมืองท่าขี้เหล็ก ค่าใช้จ่ายคนละหมื่นกว่าบาท พอตกลงกันเรียบร้อย เขาก็เอารถมอเตอร์ไซค์มารับเรา ขี่ออกจากเมืองป๊อก พอมาถึงเมืองแพรกของเมียนมา เขาก็พาเราขึ้นดอย แล้วข่มขู่เรียกค่าไถ่เราทันที

เขาเปิดคลิปที่คนจีนถูกพาตัวมา แล้วถูกตัดลิ้น ปาดคอ ทำอะไรต่างๆ นานา ข่มขู่เราให้จ่ายเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการปล่อยตัว แต่พอเราบอกว่าไม่มีญาติพี่น้อง เขาก็ซ้อม ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ทั้งเตะ ทั้งต่อย เอาไม้ฟาด ถ้าไม่ยอมจ่ายเงิน เขาก็จะทำร้ายไม่หยุด เขาบอกเราว่า พวกตนหนีมาจากพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงสั่งให้ฆ่าพวกตนให้ตายถ้าไม่จ่ายเงิน จนคุณซีต้องแกล้งตาย แม้แต่เพื่อนก็ยังเข้าใจว่าคุณซีตายจริงๆ

สุดท้ายทั้งสามอาศัยตอนที่กลุ่มนั้นเผลอ แล้วพากันหลบหนีออกมา หนีเข้าป่า เดินริมหน้าผา หนีตายมาจนเจอชาวบ้าน จนได้เจอตำรวจของเมืองแพรก แจ้งตำรวจว่าถูกหลอกมาขาย ขอความช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าตำรวจของเมืองแพรกจับพวกตนเข้าคุกทันที ในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง เพราะไม่มีเอกสารประจำตัว

ทั้งสามคนติดคุกอยู่ 4 เดือนเศษ ระหว่างนั้นก็ต้องไปขึ้นศาล จนกระทั่งศาลตัดสินให้ส่งตัวกลับ จนทาง ตม. ส่งตัวกลับมาถึงด่านท่าขี้เหล็ก แล้วทางมูลนิธิปวีณาไปรอรับที่ด่านท่าขี้เหล็ก
ขณะที่ ทางนางปวีณา บอกว่า ในกรณีหญิงไทยถูกหลอกไปขายต่างแดน การช่วยเหลือในประเทศต่างๆ จะแตกต่างกันไป โดยในเมียนมาจะยากลำบากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องด้วยสถานการณ์ภายในของประเทศเขาเอง ยิ่งในเมืองป๊อก ที่เป็นเขตปกครองพิเศษของจีน คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า การช่วยเหลือจะยิ่งยากลำบากกว่านี้มาก แต่ละเคสที่ช่วยออกมา ใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะช่วยออกมาได้แต่ละคน

อยากฝากคนที่จะไปเที่ยว ขอให้ตรวจสอบให้ดีว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ หรือคนที่ตั้งใจจะไปทำงาน ขอให้ดูให้ดี อย่างประเทศเมียนมา ขอย้ำว่าเป็นประเทศที่หากเกิดอะไรขึ้นมา การช่วยเหลือจะทำได้ยาก กฎหมายของประเทศเขาค่อนข้างเข้มงวด ขอให้ระมัดระวัง หลีกเลี่ยงจะดีกว่า