ศธ.ตื่น!!! หลัง EF จัดอันดับคนไทยมีคะแนนการใช้ภาษาอังกฤษต่ำ

ศธ.ตื่น!!! หลัง EF จัดอันดับคนไทยมีคะแนนการใช้ภาษาอังกฤษต่ำ

วันพฤหัสบดี ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 13.30 น.

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงผลคะแนนภาษาอังกฤษ กับการขับเคลื่อนทักษะภาษาอังกฤษกระทรวงศึกษาธิการ ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2566 สถาบันการศึกษาภาษาอังกฤษแห่งหนึ่ง (Education first หรือ EF) ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษประจำปี 2023  ซึ่งเป็นการการวัดคะแนนการทดสอบจากการวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษในแต่ละช่วงวัย โดยจัดอันดับทั้งหมด 113 ประเทศ ผลการสำรวจทักษะความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้ใหญ่อายุเฉลี่ย 26 - 30 ปี จำนวนผู้เข้าสอบ 836 คน ประเทศไทยได้คะแนนในอันดับที่ 101 นั้น โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 416 คะแนน ซึ่งค่าเฉลี่ยระดับโลกอยู่ที่ 502 คะแนน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์นั้น

ซึ่งเรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง และนายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ตนชี้แจงถึงนโยบายรัฐบาลหลังจากที่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน โดยทางรัฐบาลและตนได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาในทุกมิติและทุกด้าน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่การที่ปรากฏเป็นข่าวตนได้ศึกษาข้อมูลแล้ว พบว่า กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สถานศึกษาในสังกัด ศธ.ตลอดจนหน่วยงานการศึกษาในสังกัดกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น และสังกัดกรุงเทพมหานคร ต่างให้ความรู้การศึกษาวิชาภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี และเด็กนักเรียนของเราก็มีผลการศึกษาที่ดีในการสอบภาษาอังกฤษ


รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า จากกรณีนี้หากดูข้อมูลของการสำรวจดังกล่าว พบว่าผู้ที่เข้าทดสอบเป็นผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวัยเรียน เป็นผู้ที่จบการศึกษาไปแล้ว และไม่ทราบว่าจบการศึกษาในระบบหรือนอกระบบ แต่มีอายุเกิน 20 ปีไปแล้ว มีจำนวนประมาณ 800 กว่าคน ก็เป็นมิติของการศึกษาของคนกลุ่มหนึ่ง ที่เมื่อศึกษาจบแล้วและมีความต้องการหรือมีความจำเป็นที่จะไปศึกษาต่อยังต่างประเทศหรือไปทำงานต่างประเทศก็จะต้องมีการเข้าไปทดสอบ TOEFL - TOEIC  เมื่อผ่านมาตรฐานก็สามารถไปเรียนต่อได้ แต่จะมีกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มน้อยที่อาจจะทดสอบไม่ผ่านก็ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมในสถาบันกวดวิชาหรือศึกษาผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งที่เป็นข่าวก็คงเป็นระบบหนึ่งที่ให้การศึกษาผ่านระบบออนไลน์ ก็มีประมาณ 800 กว่าคน ที่มีผลการประเมินที่ถือว่าต่ำของสถาบันที่ประเมิน แต่ถ้าดูในหลักการ การทดสอบวัดความสามารถภาษาอังกฤษของไทยเราจะใช้มาตรฐาน CEFR ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ประกอบด้วย 6 ระดับ คือ A1 A2 , B1 B2 และ C1 C2

"อย่างไรก็ตาม จากที่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้นโยบาย ศธ.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราเชื่อว่าอาจจะเป็นจุดเล็กๆ จุดหนึ่งที่การจัดการศึกษาของเราอาจจะไม่สมบูรณ์ ศธ.ก็จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมอบให้ผู้ช่วยรัฐมนตรี ร่วมกับ 4 หน่วยงานหลักของ ศธ.และเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความสนใจและต้องการพัฒนาการศึกษาได้เข้ามาช่วยกันหาข้อมูลว่าทำอย่างไรเราจะพัฒนาการศึกษาภาษาอังกฤษให้สมบูรณ์ขึ้น โดยให้ สพฐ.และ สช.เป็นหลักในการดำเนินการเรื่องหลักสูตรว่าจะจัดการเรียนการสอนอย่างไร และผลิตสื่อการสอนอย่างไรให้ตอบรับนโยบายตนในเรื่อง Any Where Any Time เพื่อให้ผู้ที่อยู่นอกระบบการศึกษาแล้วก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ โดยตนจะมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) จัดการเรียนการสอนทั้งผ่านระบบออนไลน์และการสอนในที่ตั้งของสถานศึกษาด้วย"

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top