งาน “ตามรอยจอบแรกครูบาเจ้าศรีวิชัย” ครบรอบ 79 ปี การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ครูบาเจ้าศรีวิชัย นับเป็นนักบุญ นักพัฒนา แห่งแผ่นดินล้านนา ผู้ซึ่งทำคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อเมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา ท่านเป็นผู้นำในการสร้างทางขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพ โดยมีชาวเชียงใหม่ ร่วมรำลึกถึง
โดยเมื่อวันนี้ 10 พ.ย. 2556 ที่ผ่านมา นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นประธานในการเปิดงาน “ตามรอยจอบแรกครูบาเจ้าศรีวิชัย” ครบรอบ 79 ปี การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ที่ศาลาอ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
นายธัญศักดิ์ แสงศรีจันทร์ นายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ เล่าให้ฟังว่า ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งแผ่นดินล้านนา ผู้ซึ่งทำคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อเมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา ท่านเป็นผู้นำในการสร้างทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งมีพลังศรัทธาประชาชนเป็นจำนวนมาก ร่วมกันเสียสละทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ เริ่มลงมือสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2473 ณ เชิงดอยสุเทพบ้านห้วยแก้ว และการสร้างถนนสายนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 5 เดือน กับ 22 วัน จึงแล้วเสร็จและเปิดให้รถขึ้นลงได้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2478 เป็นต้นมาและ ณ บริเวณที่ท่านได้ทำพิธีลงจอบแรก
ปัจจุบัน มีอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ประดิษฐานเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ศรัทธาประชาชนทั่วไปได้กราบไหว้ และระลึกถึงนักบุญ นักพัฒนา ซึ่งไม่มีผู้ไดเปรียบเสมือน ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน
ดังนั้นเป็นการน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีของครูบาเจ้าศรีวิชัย และเพื่อให้ประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสร่วมแสดงมุฑิตาสักการะแด่ครูบาเจ้าศรีวิชัย เทศบาลตำบลสุเทพร่วมกับโครงการอนุรักษ์และเผยแพร่พุทธศิลป์ล้านนา สำนักบริหารวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้จัดทำโครงการ “ตามรอยจอบแรกครูบาเจ้าศรีวิชัย” ครบรอบ 79 ปี การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 เพื่อน้อมรำลึกคุณงามความดีของครูบาเจ้าศรีวิชัย ที่ได้สร้างทางขึ้นดอยสุเทพ และได้บูรณปฏิสังขรณ์ ซ่อมแซมวัดวาอารามโบราณสถาน ทั่วแผ่นดินล้านนา เพื่อให้ศรัทธาสาธุชนทั่วไป ได้มีโอกาสร่วมแสดงมุฑิตาสักการะแด่ครูบาเจ้าศรีวิชัย เพื่อเป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์วัตถุมงคลครูบาเจ้าศรีวิชัย พระสกุลลำพูน และสกุลลำพูน และสกุลล้านนา ให้เป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมต่อไป
โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ประกอบด้วย การเล่าเรื่อง“ครูบาเจ้าศรีวิชัย ตามรอยประคำ 108 เม็ด” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย รศ.อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว ท่าน สส.สงวน พงษ์มณี ร.อ.ณรงค์ พงษ์พันธ์เดชา และ ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะใจอินทร์ การจัดนิทรรศการประกวดอนุรักษ์วัตถุมงคลครูบาเจ้าศรีวิชัย พระเครื่องสกุลลำพูน พระเครื่อง และเหรียญคณาจารย์ล้านนา การขับร้องโดยศิลปินล้านนา นักเขียนเพลงเพื่อนำเสนอเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว และวิถีชีวิตล้านนา “คำหล้า ธัญยพร” ซึ่งนิทรรศการการประกวดอนุรักษ์วัตถุมงคล จะมุ่งเน้นที่คุณค่าและการประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นหลัก เพื่อเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรม อันเป็นการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง และถือเป็นภารกิจที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ทำให้ได้เห็นความสำคัญในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมทั้งช่วยกันสืบสานพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมให้ดำรงอยู่คู่กับชาวล้านนาและสังคมไทยโดยเฉพาะให้เด็กและเยาวชนได้ทราบและรำลึกถึงเหตุการณ์ คำสอน คุณงาม ความดี ที่ครูบาศรีวิชัยได้สร้างไว้ในอดีต และสามารถสืบทอดสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านั้นจากรุ่นสู่รุ่น คุณงาม ความดี และคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยมีต่อแผ่นดินล้านนา และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ส่วนในการเสวนา “ครูบาศรีวิชัย ตามรอยประคำ 108 เม็ด” ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องราวที่สำคัญและน่าสนใจอย่างยิ่ง ตลอดจนการจัดนิทรรศการประกวดการอนุรักษ์ วัตถุมงคลครูบาเจ้าศรีวิชัยพระเครื่องสกุลลำพูน และเหรียญคณาจารย์ล้านนา ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจที่จะใช้เป็นแนวทางในการศึกษา เพื่อการอนุรักษ์ ส่งเสริมมรดกอันทรงคุณค่าแก่อนุชนรุ่นหลัง และจะได้ช่วยกัน เล่าให้นักท่องเที่ยวได้รู้ถึงที่มาของทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพอีกด้วย
พิชัย พิสูจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี