เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสีชมพูเนื้อที่ 1 ไร่ครึ่งบนเกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เริ่มลงมือเกี่ยวข้าวสีชมพูรุ่นแรก เพื่อนำผลผลิตไปขายในราคาเมล็ดละ 1 บาท โดยเป้าหมายแรกคือขายให้กับชาวนาบนเกาะสุกร นำไปปลูกพร้อมกันปีหน้า เพื่อให้มีนาข้าวสีชมพูทั่วทั้งเกาะ จนกลายเป็นแลนด์มาร์คนาข้าวสีชมพูที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ “มีตรังฟาร์มเมล่อนบนเกาะสุกร” ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นายมงคล ธราดลธนสาร หรือบอล อายุ 42 ปี เป็นเกษตรกรผู้นำเมล็ดพันธุ์ข้าวสีชมพู มาปลูกในแปลงนาของตนเป็นรายแรกบนเนื้อที่ 1 ไร่ครึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยใช้เวลาปลูกประมาณ 120 วันก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่คนงานได้ช่วยกันเกี่ยวข้าวสีชมพูก่อนนำไปตากแดดให้แห้งสนิทเป็นเวลา 2-3 วัน จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเมล็ดพันธุ์ นำใส่ซอง ๆ ละ 50-100 เมล็ด ขายเมล็ดละ 1 บาท หรือตกกิโลกรัมละ 44,000 บาท ซึ่งเท่ากับราคาต้นทุนที่ซื้อมา โดยจะจำหน่ายให้กับชาวนาบนเกาะสุกรที่เข้าร่วมโครงการก่อนเป็นลำดับแรก
เพื่อให้นำไปปลูกพร้อมกันในฤดูกาลทำนาปีปีหน้า เพื่อให้มีนาข้าวสีชมพูแปลงใหญ่ที่สวยงามที่สุดในโลก และกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวเกาะสุกรได้มากขึ้น จนสามารถสร้างงานสร้างรายได้เข้าชุมชนอย่างยั่งยืน ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวสีชมพูที่ได้จากชาวนาในปีหน้า ก็จะมีการรับซื้อคืนในราคายุติธรรม
นอกจากนี้ ในปีหน้า เจ้าของนาข้าวสีชมพู ยังเตรียมจัดงานวันกินข้าวสีชมพูคู่กับอาหารทะเล เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และหากมีข้าวสีชมพูเพิ่มมากขึ้น ก็จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวสีชมพูเป็นข้าวนาปี เพราะมีสารอาหารจากสีม่วงในเมล็ดข้าว และคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวทั่วไป
ส่วนนักท่องเที่ยวหรือเกษตรกรทั่วไปที่สั่งจองกันมาล่วงหน้า ก็จะจัดส่งให้ตามลำดับ โดยคาดว่าผลผลิตมากกว่า 450 กิโลกรัม ซึ่งตอนนี้น่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรจากทั่วทุกภาคของประเทศ ที่สั่งจองเข้ามาจากหลายช่องทาง ซึ่งใครพลาดจองในปีนี้ก็ต้องรอไปจนถึงปลายปีหน้าเลยทีเดียว
สำหรับนาข้าวสีชมพูของนายมงคล ได้สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นนาข้าวสีชมพูแปลงใหญ่ แปลงแรก และแปลงเดียวในภาคใต้ที่ปลูกแล้วได้ผลดี จนกลายเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ใน จ.ตรัง ทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันไปเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย
ด้านนายมงคล เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสีชมพูรายแรก กล่าวว่า คิดว่าไม่ขายแพงไปกว่าที่มีขายในท้องตลาดทุกวันนี้คือเมล็ดละ 1 บาท อาจจะทำเป็นซอง ซองละ 100 เมล็ด 100 บาท ส่วนเป้าหมายต่อไปคืออยากเชิญชวนให้เกษตรกรบนเกาะสุกรหันมาส่งเสริมให้เกาะสุกรเป็นสีชมพูในปีหน้า คือให้มันใหญ่ที่สุดในโลกหรืออาจจะจัดงานกินข้าวสีชมพูบนเกาะคู่กับอาหารทะเล ให้เป็นซิกเนเจอร์ใหม่ของเกาะสุกร นั่นคือเป้าหมาย
ซึ่งในช่วง 2-3 ปีนี้อยากให้ชาวเกาะสุกรมาร่วมมือกันเพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเยอะ ๆ แต่ถ้าในอนาคตข้าวสีชมพูที่ปลูกบนเกาะสุกรมีคุณภาพที่ดี และมีประโยชน์ที่สูงกว่าข้าวทั่วไป เราอาจทำให้เป็นข้าวนาปีบนเกาะสุกรเลยก็เป็นได้ ซึ่งต้องรอการประชุมกับเกษตรกรก่อน โดยตนพอใจกับผลผลิตที่ปลูกเมื่อเปรียบเทียบกับที่จ.สุรินทร์ ซึ่งเสียหาย ไม่ได้ผลผลิต ซึ่งตนคิดว่า 1 ไร่จะได้ข้าวมากกว่า 300 กิโล
โดยมีคนสั่งจองเมล็ดพันธุ์เยอะมาก ทั้งในแฟนเพจและโทรศัพท์มาส่วนตัว เพื่อนฝูงรุ่นพี่ที่รู้ข่าว คิดว่าไม่พอขาย แต่จะเลือกเกษตรกรที่สามารถซื้อไปแล้วปลูกขยายได้ เราจะขายให้กลุ่มนั้นก่อน ---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี