ตำรวจพระสมุทรเจดีย์รวบโจรลักพระ พร้อมเซียนพระชื่อดังฐาน"รับซื้อของโจร"หลังโจรขโมยพระพุทธรูปรับสารภาพนำพระไปขายให้กับเซียนพระชื่อดังในราคา 6,500 บาท ก่อนตำรวจใช้แผนล่อซื้อพระคืนในราคา 13,500 บาท เจ้าตัวยอมรับซื้อพระจากผู้ต้องหาที่ขโมยพระมาแล้วหลายองค์และเก็บซุกซ่อนไว้ที่บ้านพักเพื่อรอจำหน่าย ด้านโจรลักพระกรรมตามทันหลังเอาพระไปเผาเพื่ออำพรางถูกไฟไหม้ขาแผลติดเชื้อ
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 13 ธ.ค.66 พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ทศพล ทองใบ ผกก.สภ.พระสมุทรเจดีย์ ได้เดินทางมาแถลงข่าวที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี กรณีการจับกุมตัวนายนิวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี อยู่หมู่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 1071/2566 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ในข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะที่เป็นพระพุทธรูปหรือวัตถุในทางศาสนาเป็นที่สักระบูชาของประชาชนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ขอแถลงผลการจับกุมผู้กระทำผิดรายสำคัญก่อเหตุลักทรัพย์พระพุทธรูปในพื้นที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ มีรายละเอียด ดังนี้ ด้วยเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 สภ.พระสมุทรเจดีย์ ได้รับแจ้งจากเจ้าอาวาสวัดคลองพระราม ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการว่าได้มีคนร้ายยังไม่ทราบผู้ใดเข้าไปลักพระพุทธรูปบูชาอายุประมาณ 30 ปีบริเวณอุโบสถหลังเก่าของวัดฯ จำนวน 2 องค์ประกอบด้วย พระพุทธรูปปางถวายเนตร ประจำวันอาทิตย์ และปรางค์สมาธิ ประจำวันพฤหัสบดี เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.
จากการสืบสวนหาข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย 1 คนอายุประมาณ 30 ปีใช้ยานพาหนะรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้าสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พบว่าหลังก่อเหตุได้หลบหนีจากเขต อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ มุ่งหน้า จ.สมุทรสาคร ต่อมาทราบชื่อผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ว่านายนิวัฒน์ พักอาศัยอยู่หมู่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนขอศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับและได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมนายนิวัฒน์ พร้อมด้วยของกลางพระพุทธรูปปรางค์ถวายเนตร ประจำวันอาทิตย์ที่ลักมาจึงได้จับกุมตัวตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 1071/2566 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะที่เป็นพระพุทธรูปหรือวัตถุในทางศาสนาเป็น ที่สักระบูชาของประชาชนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป
ผบช.ภ.1 กล่าวต่อว่า จากการสอบถามขยายผลนายนิวัฒน์ ทราบว่าพระอีก 1 องค์ที่ลักมาได้จำหน่ายให้กับเซียนพระชื่อดังชื่อนายยุทธนา (ขอสงวนนามสกุล) ในราคา 6,500 บาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ติดต่อเพื่อล่อซื้อพระคืนจากนายยุทธนาในราคา 13,500 บาท โดยนัดซื้อขายกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในรามอินทรา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พร้อมด้วยนายนิวัฒน์ จึงได้เดินทางไปที่จุดนัดพบนายยุทธนา พร้อมด้วยพระปรางค์สมาธิประจำวันพฤหัสบดีที่ถูกลักไปอยู่ภายในเบาะรถด้านหน้าด้านข้างคนขับ สอบถามนายยุทธารับว่าได้ซื้อพระองค์ดังกล่าวมาจากนายนิวัฒน์ในราคา 6,500 บาทจริงและจะนำมาจำหน่ายคืนให้กับนายนิวัฒน์ในราคา 13,500 บาททางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาแก่นายยุทธนาว่า "รับของโจร"
ต่อมานายยุทธนา รับว่าก่อนหน้านี้ได้ซื้อพระพุทธรูปจากนายนิวัฒน์ มาแล้วหลายองค์และเก็บซุกซ่อนไว้ที่บ้านพักเพื่อรอจำหน่ายโดยสมัครใจนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจยึดพระพุทธรูปอีกจำนวน 7 องค์และได้อายัดพระพุทธรูปจำนวน 40 องค์ที่นายยุทธนา ไม่สามารถแสดงหลักฐานที่มาของผู้นำมาจำหน่ายได้ เพื่อทำการตรวจสอบ ทั้งนี้ จึงประชาสัมพันธ์ให้วัดและประชาชนช่วยกันระมัดระวังกลุ่มคนร้ายที่จะมาก่อเหตุลักพระพุทธรูปและของมีค่าตามวัดต่างๆ และพื้นที่ใดที่ถูกคนร้ายก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวให้มาตรวจสอบพระพุทธรูปที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ ได้ทำการตรวจยึดและอายัดไว้ นอกจากนี้ยังทราบว่าวันที่นายนิวัฒน์ ขโมยพระพุทธรูปไปนั้นได้ทำการเอาน้ำมันมาเผาจากพระสีทองให้เป็นสีดำ เพี่อให้ดูเก่าแต่พลาดไฟไหม้ขา ทำให้เป็นแผลติดเชื้ออีกด้วย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี