จับร้านขาย‘ถ่านไม้’ไม่มีใบอนุญาตครอบครองของป่าหวงห้าม กว่า 6 ตัน
15 ธันวาคม 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. , พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส. และ พ.ต.อ.ณัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส. ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ และดำเนินการจับกุมผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการป่าไม้ และการตัดไม้ทำลายป่า
ต่อมา พ.ต.อ. ณัทกฤช น้อยคำปัน ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปราม จ.พิจิตร ลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่ จนเมื่อในวันที่ 14 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 16.30 น. ได้ตรวจสอบพบมีร้านขายถ่านไม้ริมถนนทางหลวงหมายเลข 1276 ต.ไผ่รอบ อ.เมือง จ.พิจิตร ตั้งถ่านไม้ใส่กระสอบวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้สอบถามเจ้าของร้านที่มาแสดงตน คือ นางลมัยพร พบว่าไม่เคยขออนุญาตครอบครองของป่าหวงห้ามมาก่อน ตรวจสอบรอบบริเวณร้านมีถ่านสต๊อกอยู่มากกว่า 6 ตัน หรือประมาณ 500 กระสอบ
นางลมัยพร อ้างว่า รับซื้อมาเก็บไว้ใช้ในครัวเรือน และแบ่งขายตามโอกาส จึงไม่ได้ไปขออนุญาต ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้แจ้งให้ นางลมัยพร ทราบว่า ถ่านไม้ทุกชนิด ถือเป็นของป่าหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกา กำหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. 2530 ซึ่งการที่จะมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในครัวเรือนจะต้องมีไม่เกิน 130 กิโลกรัมเท่านั้น ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ลงวันที่ 22 มกราคม 2531 หากเกินกว่านั้น ผู้ครอบครองจะต้องได้รับจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน จึงจะสามารถครอบครองไว้เพื่อประกอบการค้าได้
จากนั้นจึงได้ทำการตรวจยึดถ่านไม้ รวมแล้วน้ำหนักกว่า 6,000 กิโลกรัม พร้อมด้วยตัวนางลมัยพร นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์ประทับช้าง ดำเนินคดี ในข้อหาตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 “มีไว้ในครอบครองซึ่งของป่าหวงห้าม (ถ่านไม้ทุกชนิด) เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ซึ่งจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ บก.ปทส.ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า การประกอบกิจการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป่าไม้ และทรัพยากรธรรมขาติ ผู้ที่ประกอบกิจการต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อนที่จะกระทำการ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพยากรอันมีค่าและควรหวงแหน รักษาเก็บไว้ให้ลูกหลานสืบไป และการประกอบกิจการทุกอย่างต้องขออนุญาตตามขั้นตอนให้ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะเป็นวิถีชาวบ้าน แต่หากวิถีนั้นขัดต่อกฎหมาย ย่อมถูกดำเนินคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในที่สุดแล้วก็จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้เช่นเดียวกัน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี