“เพิ่มพูน” เปิดงาน “อาชีวะยุคใหม่ สร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน” พร้อมเป็นสักขีพยานความร่วมมือ 14 กลุ่มอาชีพ 41 หน่วยงาน
วันที่ 18 ธันวาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดงาน “อาชีวะยุคใหม่ สร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน” เพื่อเป็นการยกระดับการขับเคลื่อนความร่วมมือกับภาคเอกชน และประชาสัมพันธ์การสร้างเครือข่ายในการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา รวมถึงจัดนิทรรศการแสดงผลงานการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.)ที่ผ่านมา เพื่อสร้างการรับรู้ในทุกภาคส่วน โดยมีพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน และเยี่ยมชมนิทรรศการ 14 กลุ่มอาชีพ รวมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือภายใต้การขับเคลื่อนคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.)ใน 14 กลุ่มอาชีพ 41 หน่วยงาน โดยมี นายถาวร ชลัษเฐียร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, นายอรรถการ ตฤษณารังสี รองประธานคณะกรรมการพัฒนาการศึกษา หอการค้าไทย, นางเขมนรินทร์ รัตนาอัมพวัลย์ รองประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย และผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รวมกว่า 400 คน เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมปทุมมาศ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
พล.ต.อ.เพิ่มพูน เปิดเผยว่า ปัจจุบันการอาชีวศึกษาเป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับความร่วมมือในการจัดการอาชีวศึกษาร่วมกับสถานประกอบการ เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนในรูปแบบทวิภาคี โดยให้เป็นหนึ่งในนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และความต้องการกำลังคนของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ใช้กลไกการขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษา โดยมีคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ. อศ.) ประกอบด้วย สถานประกอบการชั้นนำของประเทศในกลุ่มอาชีพต่าง ๆ มาร่วมเป็นภาคีเครือข่ายที่สำคัญในการร่วมจัดการอาชีวศึกษา มีเป้าหมายในการร่วมพัฒนาหลักสูตร ร่วมจัดการเรียนการสอน ร่วมพัฒนาบุคลากร ร่วมพัฒนาสถานศึกษาและร่วมประเมินสมรรถนะอาชีพ เพื่อสนับสนุนการสร้างคน สร้างงาน เน้นความร่วมมือในการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและผลิตกำลังคนอาชีวศึกษาเข้าสู่ตลาดแรงงาน ส่งผลให้ผู้เรียนที่สำเร็จการศึกษามีคุณภาพ มีสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ โดยเน้นรูปแบบการเรียนสู่การปฏิบัติจริง (Learning by Doing) เพื่อสร้างสมรรถนะอาชีพและทักษะชีวิต ให้ผู้สำเร็จการศึกษาอาชีวศึกษา มีความพร้อมในการเข้าสู่อาชีพได้ทันต่อความต้องการกำลังคนของประเทศ สามารถประกอบอาชีพได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ
“รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน “อาชีวะยุคใหม่ สร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน” และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือการจัดการการอาชีวศึกษากับสถานประกอบการ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นแนวทางการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพกำลังคนด้านอาชีวศึกษารองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและบริการด้านสังคมเศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดขึ้นในอนาคตให้มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษกิจและสังคมและอุตสาหกรรมสมัยใหม่“ รมว.ศธ. กล่าง
รมว.ศธ. กล่าวว่า อยากให้สถานศึกษากับสถานประกอบการมีความร่วมมือกันมากขึ้นอีก ปัจจุบันเราทราบกันดีว่าประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่คนจะเรียนอาชีวะเป็นหลัก ประเทศจะขับเครื่อนได้ด้วยอาชีวะ ตนมาเป็นรัฐมนตรีศธ.จึงเลือกคุมอาชีวะฯ อยากทำอาชีวะ ดูว่าประเทศที่เจริญแล้วเขาพัฒนาอาชีวะกันอย่างไร โดยเฉพาะประเทศที่เจริญอย่างเยอรมัน เขาเรียนอาชีวะเป็นหลักในการสร้างเสริมประเทศชาติ เราต้องการคนไปทำงานมากกว่า ไทยเราเป็นภาคเกษตรกรรม ถ้าเราสามารถสร้างเสริมประเทศของเราเป็นประเทศเกษตรกรรม เน้นเรื่องเกษตรกรรมโดยให้ความรู้กับนักเรียน นักศึกษาและชุมชนที่เข้าไปเพิ่มคุณภาพการผลิตให้สินค้าทางการเกษตรมีคุณภาพและทำให้ต้นทุนถูกก็จะตอบโจทย์ได้ โดยทีทวิถีของเราก็ยังอยู่เหมือนเดิม เมืองไทยเป็นแผ่นดินทองแต่ทุกวันนี้เรามักจะหนีวิถีตนเอง ไปทำอุตสาหกรรมต่างๆในพื้นที่เกษตรกรรมหรือพื้นที่ปลูกข้าวอย่างดี โดยไม่รู้ว่าเราพร้อมหรือยัง จึงขอฝากการขับเคลื่อนการทำงานเชื่อมโยงกับสภาอุตสาหกรรม และหอการค้าไทย เพื่อให้รู้ถึงทิศทางการผลิตกำลังคน ให้ผู้เรียนได้เห็นอัตราเงินเดือนและพร้อมจะเลือกเรียน
“ค่านิยมของผู้เรียนในประเทศไทยยังติดเรื่องใบปริญญา ที่จะต้องจบปริญญาตรี แต่ส่วนตัวรัฐมนตรีไม่เน้น เรียนก็ได้ไม่เรียนก็ได้ ขอมีความสุข เรียนแล้วมีรายได้ ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี โท เอก ทุกคน ซึ่งนโยบายผมเน้นให้ผู้เรียน เรียนดี มีความสุข แบ่งการศึกษาเป็น 2 ขา คือ การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงในชีวิต ในภาคของอาชีวศึกษา ถือเป็นการศึกษาเพื่อความมั่นคงในชีวิต จึงขอเรียกร้องผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ประกอบการร่วมมือกันสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับผู้เรียน และเพิ่มความร่วมมือในการผลิตและพัฒนากำลังคนในรูปแบบทวิภาคี ให้บุคลากรที่มีทักษะฝีมือสอนให้มีความรู้และปฏิบัติได้ ไม่ใช้จบปริญญาตรี โท แล้วไม่มีงานทำ สุดท้ายต้องไปทำงานด้วยวุฒิ ม.6 หรือ ปวช. ปวส. ทำให้เป็นการสูญเปล่าของงบประมาณ จึงอยากให้ผู้เรียนหาตัวตนให้เจอ เรียนในสิ่งที่อยากเรียนจริงๆ และอยากให้อาจารย์ทำหน้าที่อย่างมีความสุขแล้วผลจะตกถึงผู้เรียน และไม่ว่าผู้บริหาร ผู้ประกอบการ หากคิดว่าดีและทำได้ อยากให้ลงมือทำทันที ไม่ต้องรอรัฐมนตรีมาถ่ายรูป ไม่ต้องรอรัฐมนตรีสั่งให้ทำ ถ้าทำทันทีสิ่งที่ท่านจะได้ก็คือผลผลิตของประเทศชาติ คือนักเรียน นักศึกษาของเราจะมีคุณภาพ จึงอยากเรียกร้องพวกเราให้ ทำดี ทำได้ ทำทันที“ รมว.ศธ. กล่าว
ด้านนายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า การจัดงาน “อาชีวะยุคใหม่ สร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน” มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการขับเคลื่อนความร่วมมือกับภาคเอกชน ประชาสัมพันธ์การสร้างเครือข่ายในการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา รับฟังข้อเสนอแนวทาง การพัฒนาการจัด การอาชีวศึกษารองรับภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจและบริการ ตลอดจนสังคมเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต รวมถึงการแสดงผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา
สำหรับการจัดพิธีลงนามความร่วมมือการผลิต และพัฒนากำลังคน ภายใต้การขับเคลื่อน ของ อ.กรอ.อศ. เพื่อสร้างการรับรู้ในทุกภาคส่วน มี 14 กลุ่มอาชีพ 41 หน่วยงาน ได้แก่
1.กลุ่มอาชีพเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัลคอนเทนท์ มี 6 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท เอส วี โอ เอ จำกัด (มหาชน) บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) 2.กลุ่มอาชีพเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร มี 3 หน่วยงาน ได้แก่ สมาคมกุ้งตะวันออกไทย บริษัท สปริงฟิลด์ รอยัล คันทรีคลับ จำกัด บริษัท นาเฮียใช้ จำกัด 3. กลุ่มอาชีพก่อสร้าง มี 5 หน่วยงาน ได้แก่ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน บริษัท สี่พระยาก่อสร้าง จำกัด บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด บริษัท ซี.อี.เอส. จำกัด บริษัท เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์ เฮ้าส์ จำกัด
4. กลุ่มอาชีพธุรกิจค้าปลีก มี 4 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท ไทยยามาซากิ จำกัด บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 5. กลุ่มอาชีพภาคธุรกิจและบริการอาหาร มี 2 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามสินทรัพย์พัฒนา จำกัด 6.กลุ่มอาชีพอัญมณีและเครื่องประดับ มี 1 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท ไอ.จี.เอส จำกัด (มหาชน) 7. กลุ่มอาชีพสุขภาพและความงาม มี 1 หน่วย ได้แก่ บริษัท เอส.ซี.เสรีชัยบิวตี้ จำกัด 8. กลุ่มอาชีพพลังงานและพลังงานทดแทน มี 12 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท เบตเตอร์เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) บริษัท บางกอก โซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด บริษัท อินโนเวชั่น เพาเวอร์ เอ็นเนอยี่ จำกัด บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วินด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ออนกฤษ พาวเวอร์ จำกัด บริษัท พี.อาร์.โซล่า เอนเนอร์จี จำกัด บริษัท การจัดการสิ่งแวดล้อมหาดใหญ่ จำกัด บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด บริษัท เฟิร์สเทคโนโลยีแอนด์คอนโทรล จำกัด บริษัท เอซีอี อิเลคทริค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เทคโนโลยีไออาร์พีซี จำกัด ห้างหุ่นส่วนจำกัด ภูวสินศิริคอนสตรัคชั่น
9. กลุ่มอาชีพเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น มี 1 หน่วยงาน ได้แก่ สมาคมผู้ค้าเครื่องปรับอากาศไทย
10. กลุ่มอาชีพเทคโนโลยีอุตสาหกรรมตัวถังและสีรถยนต์ มี 1 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท โตโยต้าตาปี จำกัด 11. กลุ่มอาชีพอุตสาหกรรมการบิน มี 2 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท เออีพีเอส (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เชียงราย เอเวชั่น โฮลดิ้ง จำกัด 12. กลุ่มอาชีพแมคคาทรอนิกส์ หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ มี 1 หน่วยงาน ได้แก่ สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) 13. กลุ่มอาชีพเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มี 1 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) 14. กลุ่มอาชีพธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ มี 1 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ด้าน นายถาวร ชลัษเฐียร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถา เรื่อง ”ข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษารองรับภาคอุตสาหกรรมอนาคต“ ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันการเจริญเติบโตของเทคโนโลยีก้าวกระโดดไม่สัมพันกับกาลเวลา ทำอย่างไรเราจะอยู่รอดในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หอการค้าฯได้จัด 3 อันดับ ของทักษะที่เป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรม อันดับที่ 1 ทักษะทางวิศวกรรม (68.8%) อันดับที่ 2 ทักษะทางดิจิทัล (63.3%) อันดับที่ 3 ทักษะทางการวิเคราะห์ข้อมูล (53.7%)
ขณะที่ นายอรรถการ ตฤษณารังสี รองประธานคณะกรรมการพัฒนาการศึกษา หอการค้าไทย ปาฐกถา เรื่อง “ข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการจัดการอาชีวศึกษารองรับธุรกิจและบริการเชิงคุณภาพ“ ว่า เพื่อยกระดับการศึกษาประเทศของอาชีวศึกษาภาค 5 รวม 9 ข้อดีของผู้เรียน ดังนี้ 1.สุขภาพดี 2. ความรู้ดี 3. ทักษะฝีมือดี 4.ทัศนคตอดี มีจิตอาสา 5. เป็นคนดี มีวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม 6.มุ่งมั่น อดทนดี 7. ซื่อสัตย์ กตัญญีดี 8. วิศัยทัศดี เป็นผู้นำที่ดี 9. มีงานทำ และมีรายได้ดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี