‘เสมา2’เดินหน้าแก้หนี้ครู เผยครั้งนี้เห็นผลมากที่สุดในประวัติศาสตร์
20 ธันวาคม 2566 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาของศธ. ว่า ถือเป็นการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้ครูฯครั้งแรกแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งมีคณะกรรมการที่มาจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม อาทิ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู สถาบันการเงิน ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมการหารือมาตรการแก้หนี้สินครู โดยเฉพาะมาตรการเร่งด่วนที่ต้องเร่งทำทันที คือ การเจรจาสถาบันการเงินเพื่อขอขยายเวลามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ หลายโครงการซึ่งจัดทำขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 และพบว่า กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคมนี้ ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบทำหนังสือขอขยายมาตรการช่วยเหลือครูชั่วคราวไปถึงสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 13 แห่ง ซึ่งสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ฯลฯ ก็พร้อมให้ความร่วมมือ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติตั้งคณะทำงาน เพื่อยกร่างเอ็มโอยูฉบับใหม่
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเอ็มโอยูฉบับใหม่ จะต้องสอดคล้องกับการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา และสอดคล้องกับแนวทางแก้ปัญหาหนี้สินของรัฐบาล รวมถึงการให้สถาบันการเงินสามารถหักเงินเดือนครูเพื่อชำระหนี้ได้ ร้อยละ70 และต้องให้ครูมีเงินเหลือใช้ในชีวิตประจำวัน ร้อยละ 30 หากครูมีเงินเหลือไม่พอกับยอดหนี้ที่ตกลงไว้ 70% ก็ขอความร่วมมือไม่ให้ฟ้องร้องครู ซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐบาล ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อขอลดอกเบี้ยเงินกู้ และขยายเงินงวดซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าไปจนถึงอายุ 75 ปีหรือไม่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล อย่างไรก็ตาม จากการหารือครั้งนี้พบว่าการแก้ปัญหาหนี้สินครูเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สหกรณ์ออมทรัพย์เองก็หารือปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งคงต้องขอบคุณกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรฯ ที่มีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยคาดว่า เอ็มโอยูฉบับใหม่นี้ จะแล้วเสร็จทันเข้าที่ประชุมอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ครูฯ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือเรื่องการนำข้อมูลการกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์เข้าเครดิตบูโร ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา เพื่อให้สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ในระบบรู้สถานะทางการเงินของผู้กู้แต่ละราย เพื่อให้สามารถใช้ประกอบการพิจารณาปล่อยกู้ได้
“การแก้ปัญหาหนี้ครูครั้งนี้ เป็นไปในทิศทางที่ดี เพราะนายกฯ ลงมาเป็นแม่งานแก้ไขหนี้สินทั้งระบบด้วยตัวเอง และจะนำโมเดล การหักเงินเดือนให้เหลือใช้ในชีวิตประจำวัน ร้อยละ 30 ไปใช้กับกระทรวงอื่นด้วย ในส่วนของศธ.ก็จะแก้ปัญหาหนี้สินครูไปพร้อมๆ กับนโยบายรัฐบาล เชื่อว่า การแก้หนี้ครูครั้งนี้น่าจะเห็นผลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งต้องขอบคุณรัฐบาล โดยภาพรวม ครู 9 แสนคนทั่วประเทศ กว่า ร้อยละ 80 มีหนี้สินรวม 1.4 ล้านล้านบาท เจ้าหนี้รายใหญ่ คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ กว่า 8.9 แสนล้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 64 ของจำนวนหนี้ทั้งหมด รองลงมาคือ ธนาคารออมสิน กว่า 3.49 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหนี้ทั้งหมด และหน่วยงานอื่น ๆอีกร้อยละ11 ครูจำนวนมากกว่าร้อยละ30 ที่มีเงินเดือนคงเหลือสุทธิหลังหักชำระหนี้ ร้อยละ 30 โดย เท่าที่ดูตัวเลข หนี้วิกฤตสีแดง มีอยู่ประมาณ 2,000 ราย ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือเป็นราย ๆแต่ที่น่าห่วงคือ กลุ่มสีเหลือ หนี้ที่ใกล้วิกฤต ซึ่งมีอยู่กว่าแสนราย ที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือ เพราะถ้าไม่ช่วยจะเป็นสีแดง ส่วนสีเขียว ส่วนตัวไม่กังวล เพราะหากรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือออกมาเพิ่มเติม ก็จะทำให้เกิดสภาพคล่องมากขึ้น” รมช.ศธ. กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี