จำเลยปากสุดท้ายเบิกความปิดคดีพันธมิตรฯชุด 2 บุกสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ปี51 ศาลนัดฟังคำพิพากษา 29 มีนาคม ปีหน้า
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 20 ธันวาคม 2566 ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมและสืบพยานจำเลยปากสุดท้าย คดีหมายเลข อ.1083/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด กับพวก รวม 67 คน เป็นจำเลยในคดีพันธมิตรฯ บุกชุมนุมสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551
ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชานด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพี่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ, ร่วมกันเข้าไปรบกวนการครอบครอง เข้าไปซ่อนตัวในอาคารสำนักงานของผู้อื่นและไม่ยอมออกไปจากสถานที่นั้น โดยใช้กำลงประทุษร้าย, ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
วันนี้ จำเลยทั้งหมดมาศาล ขาดเพียง 5 รายที่มีอาการเจ็บป่วย ขณะที่ทนายความจำเลย และอัยการโจทก์มาศาล
เมื่อถึงเวลาทนายความจำเลยแถลงนำพยานปากสุดท้าย คือ นายสุรวิชช์ วีรวรรณ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ผู้จัดการรายวัน เบิกความต่อศาล ว่า ช่วงเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 เวลาประมาณ 22.00 น.เศษ ได้เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบนายพิภพ ธงไชย และผู้ว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทอท. ในฐานะแหล่งข่าว ซึ่งพยานทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวไปหาข้อมูล กระทั่งเวลา 02.00 น.จึงเดินทางกลับ ต่อมาวันที่ 26 ธธันวาคม 2551 พยานอยู่ที่สำนักงานนสพ.ผู้จัดการ ได้โทรไปสอบถามผู้สื่อข่าวในพื้นที่ทราบว่ามีประเด็นห้องน้ำที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประชาชนไม่สามารถเข้าไปใช้ได้ จึงประสานงานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น พยานไม่ได้มีหน้าที่เจรจา หรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การชุมนุมดังกล่าว
ศาลเห็นว่า พยานจำเลยปากสุดท้ายเบิกความเสร็จแล้ว ส่วนจำเลยที่ยังไม่ได้เบิกความนั้นแถลงไม่ประสงค์จะเบิกความ จึงหมดพยานที่นำสืบในคดีนี้ จึงนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 29 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น.พร้อมกำชับให้จำเลย 5 ราย ที่ป่วย แจ้งให้ศาลทราบว่าเดินทางมาฟังคำพิพากษาได้หรือไม่ ก่อนกำหนดนัดพิพากษาไม่น้อยกว่า 7 วัน หากเจ็บป่วย ให้แจ้งว่ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใด หรือ พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อศาลจะได้ประสานเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และอาจจะอ่านคำพิพากษาผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ ทางแอพพลิเคชั่นGoogle Meet ก็ได้
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จำเลยที่ 18 ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า ศาลนัดพร้อมจำเลยคดีชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ชุดที่ 2 ขณะเดียวกันก็ได้สืบพยานจำเลยที่เหลือเพียงปากเดียว จากนั้นจึงนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 29 มี.ค.2567 โดยถ้าจำเลยรายใดป่วยหนัก ศาลแจ้งว่าให้ผู้ป่วยรายนั้นหรือทนายความแจ้งต่อศาลล่วงหน้าภายใน 7 วันก่อนมีคำพิพากษา ซึ่งศาลจะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ หรือเจ้าหน้าที่อื่น เพื่อไปดูแลทำตามขั้นตอนของกระบวนการฟังคำพิพากษา โดยอาจใช้วิธีวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ เพื่อให้พร้อมสำหรับทุกคนที่เฝ้ารอคำตัดสินของศาลจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งท่านมองว่าคดีนี้เป็นคดีเก่าของศาลอาญา ที่ใช้เวลาสืบพยานนานที่สุด ทั้งนี้ให้รอฟังคำพิพากษาคดีชุมนุมที่สนามบินของแกนนำพันธมิตรฯ ชุดแรก วันที่ 17 มกราคมนี้ก็น่าจะทราบทิศทางคดีนี้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี