พ่อแม่ของ “น้องชมพู่”ขอบคุณศาลจังหวัดมุกดาหาร กระบวนการยุติธรรมและตำรวจชุดคลี่คลายคดีทำให้ความจริงปรากฏ เผยเตรียมยื่นอุทธรณ์ เพิ่มโทษ “ลุงพล” ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ส่วนพยานในคดีห่วง เรื่องความปลอดภัย วอน ตร.เข้ามาช่วยดูแล
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บ้านของ นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และนางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ภายในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร จากที่เคยมีเหล่ากองเชียร์และยูทูบเบอร์วนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง วันนี้เหมือนไม่มีผู้ดูแล และไม่คึกคักเหมือนในอดีต หลังจากลุงพลย้ายไปอยู่ที่บ้านเกิด อ.วานรวิวาส จ.สกลนคร ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 ประมาณ 1 ปีกว่า และไม่แตกต่างจากลานปู่ปาริจิตนาคราช ซึ่งลุงพลเคยสร้างเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว กราบขอพร ขอโชคลาภ แทบจะมองไม่ออกว่านี่คือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เพราะเป็นป่ารก มีหญ้าและวัชพืชขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่
โดยชาวบ้าน บอกว่าตั้งเกิดคดีฆาตกรรมน้องชมพู่ บ้านกกกอกก็เต็มไปด้วยผู้คน ทั้งตำรวจ ผู้สื่อข่าวและเหล่าบรรดายูทูบเบอร์ กว่า 100 ชีวิต แต่เมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลและลุงพลย้ายออกไปจากบ้านกกกอก ชีวิตชาวบ้านที่นี่ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ
นายชาญ หลาบโพธิ์ ตาของน้องชมพู่ เปิดเผยเรื่องของลูกสาวทั้ง 2 คน ว่าจะกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ ตาชาญบอกว่าความไม่ลงรอยในครอบครัว จากคดีความทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย ล้วนเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน เชื่อว่าเวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่แก้วที่มันแตกก็ยากที่จะประสานให้เหมือนเดิม
ส่วนนายวัชรินทร์ หรือพ่อแบม พยานปากสำคัญในคดีน้องชมพู่ เปิดเผยว่า หลังจากตัดสินคดีแล้ว ตนมีความกังวล เพราะตนเป็นพยานที่ทำให้เขาต้องได้รับโทษ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจมาดูแลในหมู่บ้าน หวั่นไม่ปลอดภัย
ทางด้าน นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา นายอนามัย วงศ์ศรีชา แม่พ่อน้องชมพู่ ได้พากันตระเวนออกรายการต่างๆ หลังจากศาลมีคำพิพากษาคดีดังกล่าวโดยแม่น้องชมพู เปิดเผยว่า จากคำตัดสินของศาลก็พอใจแล้ว รู้สึกตื้นตันใจ ขอขอบคุณศาลจังหวัดมุกดาหาร ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และขอบคุณตำรวจชุดคลี่คลายคดีที่ทำให้ความจริงปรากฏว่าน้องชมพู่ไม่ได้เดินขึ้นเขาไปเสียชีวิตเอง มีคนทำให้เสียชีวิต และศาลตัดสินมาแล้วว่าจำเลยที่ 1 ลุงพล มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้อง
นางสาวิตรี เปิดเผยว่า ได้ปรึกษากับทนายแล้วว่าจะเพิ่มโทษในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งผล ตามที่อัยการได้มีการยื่นไปตอนแรก โดยจะมีการหารือในรายละเอียดกับทีมทนายความให้ชัดเจน เพื่อดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนจำเลยที่ 2 คือ ป้าแต๋น ตนเองเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนปรึกษาทนายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทางด้าน นายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล ทนายความแม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า มีหลักฐานบางส่วนที่มองตามข้อเท็จจริงที่เชื่อได้ว่ามีคนเอาเด็กไป และมีคนหยิบของเล่นเด็กไปด้วย รวมทั้งจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนเชื่อว่ามีการนำเด็กไปปล่อยโดยเจตนา จึงมองว่าพยานหลักฐานที่นำสืบมามีเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยได้ และคงใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อไป
“คดีนี้แม้ว่าจะไม่มีประจักษ์พยานก็ใช่ว่าจะไม่สามารถลงโทษได้ เพราะอาชญากรจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ คดีนี้จริงๆ ก็ยาก แต่ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายที่พยายามค้นหาความจริง จึงต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์และบุคคลพยานแวดล้อมต่างๆ มาประกอบคดี” นายพิสิษฐ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี