มท.1เปิดศูนย์ฯรับมือ
7วันอันตรายปีใหม่’67
ชู‘ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม’
สั่งทุกจังหวัดคุมเข้ม
“มท.1” เปิดศูนย์ฯรับมือป้องเจ็บตายบนท้องถนน ช่วง “7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่2567 “ชูสโลแกน “ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม” ครอบจักรวาล ลั่นเซฟได้1ชีวิตก็ดีใจแล้ว ยันไร้ประโยชน์มาตั้งเป้าลดยอดสูญเสีย ขอเน้นมาตรการ-รณรงค์-ควบคุม สั่งทุกจังหวัดเข้มเตรียมป้องกัน‘อัคคีภัย-อุบัติภัย’ลดสูญเสียชีวิตทรัพย์สินประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่
เมื่อเวลา10.45น.วันที่ 27 ธันวาคม 2566 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)มีการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่3/2566โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการฯและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเป็นประธานการประชุมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ และยังเป็นประธานในพิธีเปิดการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2567 ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2566-4 มกราคม 2567
โดยนายอนุทินให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะเป็นศูนย์กลางในการประสานงานไป ยังทั่วประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาล ขณะนี้เรามีความพร้อมเต็มรูปแบบ สำหรับครั้งนี้เรามีการรณรงค์ทั่วประเทศร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆทในหัวข้อ“ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม”ไม่ใช่เมาไม่ขับเพราะเราไม่รู้ว่าคนเมาเขาจะคิดว่าเขาเมาตอนไหน การวางแผนในการสัญจรอย่างน้อยจะต้องมีคนที่ขับรถเป็น1คนที่ไม่ดื่ม
เมื่อถามถึงการตั้งเป้าลดอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตบนท้องถนนในปีนี้ นายอนุทินกล่าวว่าคำว่าตั้งเป้าก็พูดกันเพราะๆแต่เราจะเน้นในเรื่องของการกำหนดมาตรการ การรณรงค์ ควบคุมป้องกันให้เข้มงวดดีกว่า เราเซฟได้หนึ่งชีวิตก็คือความดีใจของเราแล้ว ถ้าเราสามารถกำกับดูแลทุกอย่างให้ดี ก็ถือว่าภารกิจบรรลุผลสัมฤทธิ์ ถ้าบอกว่าตั้งเป้า พวกเรายิ่งดีใจใหญ่ เมื่อตั้งเป้าเทียบกับปีที่มีโควิด ปีนี้เป็นปีแรกที่เดินทางอย่างเสรีเต็มที่ตั้งเป้าอย่างไรก็เกินเป้า จึงไม่มีประโยชน์ที่จะมาตั้งเป้า ดังนั้น ดื่มต้องไม่ขับ ขับต้องไม่ดื่มมันครอบจักรวาลแล้ว อุบัติเหตุช่วงเทศกาลส่วนใหญ่มาจากการดื่มแล้วขับ ถ้าขับไม่ดื่มโอกาสพลาดน้อย ถ้าง่วงขอให้หยุดรถ พักผ่อนให้เต็มที่ ไปกันหลายคนก็สลับกันขับขี่ยานพาหนะ ทางกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการร่วมกับตำรวจและภาคีเครือข่ายๆต่างที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่อยู่แล้วในการรณรงค์กวดขันตรวจตรา
ทั้งนี้ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทยได้กล่าวอวยพรปีใหม่2567ว่าขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านมีความสุข เจริญรุ่งเรืองร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา ขอให้เที่ยวปีใหม่นี้ด้วยความสุขเต็มที่ ระมัดระวังตัวเอง แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทุกอย่าง
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยและอุบัติภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้เตรียมการป้องกันและเฝ้าระวังอัคคีภัย รวมทั้งอุบัติภัยในช่วงประชาชนเดินทางท่องเที่ยว และจัดงานปีใหม่
ทั้งนี้ เนื่องจากปลายเดือนธ.ค.ถึงต้นเดือน ม.ค.ของทุกปี มีวันหยุดติดต่อกัน หลายหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน ผู้ประกอบการมีการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่มีการจุดพลุ ปะทัด ดอกไม้เพลิงและกิจกรรมที่เสี่ยงต่ออัคคีภัยและอุบัติภัย และมีแนวโน้มที่จำนวนเหตุการณ์จะมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 64 -66 จึงจำเป็นที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกจังหวัดต้องดำเนินการทั้งการเตรียมการป้องกันและมีแผนเผชิญเหตุเพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในส่วนของการเตรียมการบกปภ.ช.ได้ให้ทุกจังหวัดกำชับให้ทุกหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน มีการป้องกันและใช้ความระมัดระวังในการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยเป็นพิเศษ โดยห้ามให้มีการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง โคมหรือวัตถุอื่นที่คล้ายกัน หรือการใช้เทคนิคพิเศษ (Special Effect) ในอาคาร หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการลุกลามของอัคคีภัยโดยเด็ดขาด รวมถึงกำหนดมาตรการความปลอดภัย ดูแลจำนวนผู้ใช้บริการให้เหมาะสมไม่หนาแน่น เตรียมพร้อมทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบได้อย่างทันท่วงทีตลอด24ชั่วโมง
พร้อมกันนี้ ให้ทุกจังหวัดสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงอันตรายจาการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิงการปล่อยโคมลอย รวมถึงการพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะลักลอบการยิงปืนขึ้นฟ้ า ซึ่งมีบทลงโทษตามกฎหมาย กรณีการลักลอบยิงปืนขึ้นฟ้ามีในประมวลกฎหมาย มาตรา 376 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน10วันหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเกิดกรณีกระสุนตกลงมาเป็นอันตรายต่อผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่2567รัฐบาลห่วงใยพี่น้องประชาชน พร้อมดูแลความปลอดภัยและทรัพย์สินตลอดเทศกาล ขอเชิญชวนประชาชนฝากบ้านไว้กับตำรวจ ตามโครงการ”ฝากบ้านไว้กับตำรวจ 4.0”โดยประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน”ฝากบ้าน 4.0 (OBS)”ตามมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนช่วงวันหยุดยาวโดยกรอกข้อมูล เลือกสถานีตำรวจที่ขอรับบริการฝากบ้าน จากนั้นเลือกเมนู “ฝากบ้าน” แล้วกดเลือก”ฝากบ้านของฉัน”กรอกรายละเอียดคำร้อง ตรวจยืนยันการรับฝากบ้าน นอกจากการดำเนินโครงการฝากบ้านผ่านแอปพลิเคชันแล้ว ประชาชนสามารถเข้าร่วมโครงการด้วยการยื่นแบบฟอร์มเข้าร่วมโครงการฯที่สถานีตำรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ขอให้ระมัดระวังอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ 2567 ขอให้ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนเดินทางออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินภายในบ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี