ดับเซ่นน้ำท่วม7ศพ-สูญหาย1
‘นราธิวาส’วิกฤต
เดือดร้อนกว่า2แสนครัวเรือน
ปัตตานีหนักสุดรอบ50ปี
น้ำสูง2-3เมตรใช้เรือสัญจร
ปภ.ชี้น้ำท่วม 3 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง กระทบ 93,220 ครัวเรือนภาพรวมระดับน้ำลดลง เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้าน จ.นราธิวาสดับ 7 ศพ สูญหาย 1 คน ส่วน จ.ปัตตานี น้ำท่วมขยายวงกว้าง 8 อำเภอ
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า สถานการณ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณเกาะสุมาตราและทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 34 อำเภอ 195 ตำบล 1,279 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 102,070 ครัวเรือน
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ รวม 3 จังหวัด 25 อำเภอ 142 ตำบล 806 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 93,220ครัวเรือน แบ่งเป็น 1.ปัตตานี เกิดน้ำท่วมใน 10 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง อ.หนองจิก อ.โคกโพธิ์ อ.ไม้แก่น อ.ยะรัง อ.สายบุรี อ.มายอ และอ.แม่ลาน รวม 53 ตำบล 188 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 15,150 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง 2.นราธิวาส เกิดน้ำท่วมใน 13 อำเภอ ได้แก่ อ.แว้ง อ.สุคิริน อ.จะแนะ อ.ระแงะ อ.สุไหงปาดี อ.ศรีสาคร อ.ยี่งอ อ.เจาะไอร้อง อ.รือเสาะ อ.เมือง อ.บาเจาะ อ.ตากใบ และอ.สุไหงโก-ลก รวม 75 ตำบล 523 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 62,613 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง และ 3.ยะลา น้ำท่วมใน 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง และอ.รามัน รวม 14 ตำบล 95 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 15,457 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
นายไชยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่ สำหรับการแก้ปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย อาทิ เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถขุดตักไฮดรอลิค และเรือท้องแบน เพื่อแก้ปัญหา เร่งระบายน้ำ และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์อุทกภัยใน จ.นราธิวาส ว่ายังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 13 อำเภอ 77 ตำบล 536 หมู่บ้าน 57 ชุมชน 65,780 ครัวเรือน 266,325 คน โรงเรียน 329 แห่ง (ปิดการเรียน 167 แห่ง เปิดการเรียน 162 แห่ง) มัสยิด 26 แห่ง วัด 20 แห่ง ด้านปศุสัตว์ (แพะ) 2 ตัว โค 5 ตัว ด้านพืช 2,332 ไร่ ด้านประมง สัตว์น้ำเลี้ยงในบ่อดินนาข้าว 505.31 ไร่ สัตว์น้ำเลี้ยงในกระชังบ่อซิเมนต์ 2,548ไร่ โดยเหตุอุทกภัยครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 7 ราย ในพื้นที่ อ.รือเสาะ (เสียชีวิต 4 ราย สูญหาย 1 คน) ประกอบด้วยนางคอตีเยาะ เจ๊ะแล อายุ 89 ปี นางอาอีเสาะ เจ๊ะบอสู อายุ 63 ปี ด.ช.มูฮัมหมัดนาบาส มายิ อายุ 2 ปี และนางพิน ชัยลาภ อายุ 85 ปี ส่วนผู้สูญหาย อีก 1 ราย อยู่ระหว่างติดตามการค้นหาคือ ด.ช.นาซูฮาร์ มายิ อายุ 8 ปี
ขณะที่ อ.เมือง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนายวาเด็ง เปาะเฮง อายุ 68 ปี และพื้นที่ อ.ระแงะ เสียชีวิต 2 ราย คือนายมะชูกรี แมดารู อายุ 44 ปี และ น.ส.นูรา กะนิ อายุ 44 ปี
ด้านความช่วยเหลือขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีหลายหน่วยงานต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือประชาชน แต่การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากเส้นทางสายหลักถนนสายเอเซีย 42 ถูกตัดขาดบริเวณ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มีน้ำไหลเชี่ยวรถยนต์ไม่สามารถเดินทางไปมาได้ ส่วนพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส น้ำยังคงไหลท่วมถนนต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางการจราจร
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมความเสียหายทั้งบ้านเรือน ร้านค้า อุปกรณ์ไฟฟ้า แต่ละพื้นที่มีจำนวนมาก พื้นที่ซึ่งน้ำลดลงแล้ว ชาวบ้านได้เร่งเคลียร์ข้าวของเครื่องใช้และดำเนินการซ่อมแซมบ้าน โดยทางเทศบาลเมืองนราธิวาสได้เข้าช่วยเหลือวัวที่ลอยไปกับกระแสน้ำ ที่บริเวณปากอ่าวหาดนราทัศน์ ก่อนจะถูกซัดลงทะเล โดยเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้สำเร็จ อย่างไรก็ดี สถานการณ์น้ำท่วมระดับน้ำเริ่มลดระดับลง น้ำในลุ่มน้ำสายหลัก ลุ่มน้ำบางนราและลุ่มน้ำโก-ลก มีแนวโน้มลดลง ส่วนลุ่มน้ำสายบุรี ยังคงต้องเฝ้าระวัง ยังคงต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส แจ้งเตือนฝนตกหนักอีกระลอก ช่วงวันที่ 28-29 ธันวาคมนี้
ที่ จ.ปัตตานี สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังคงวิกฤติ น้ำได้ท่วมขยายวงกว้าง โดยได้รับผลกระทบแล้ว 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.หนองจิก อ.แม่ลาน อ.ยะรัง อ.สายบุรี อ.กะพ้อ อ.ทุ่งยางแดง และ อ.ไม้แก่น ทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนเป็นจำนวนมาก ส่วนพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในรอบ 50 ปี คือพื้นที่ติดกับลุ่มแม่น้ำสายบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากนราธิวาสก่อนจะระบายลงสู่ทะเล ทำให้น้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้าน
สำหรับพื้นที่สายบุรี ยังคงน่าเป็นห่วงและมีน้ำท่วมสูง คือ ต.ตะบิ้ง ต.ละหาร ต.ปะแสยาวอ ซึ่งทั้ง 3 ตำบลได้รับผลกระทบอย่างรุ่นแรงบางจุดน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ทำให้ถนนในหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ ต้องใช้เรือซึ่งเป็นยานพาหนะเดียวในการเข้าออกหมู่บ้านขณะนี้ชาวบ้างต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำดื่มต้องการมากที่สุด ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านโดยนำข้าวกล่องและน้ำดื่มมามอบให้ โดยเฉพาะที่ ต.ปะแสยาวอ ส่วนรอบนอก ก็มีหน่วยงานภาครัฐเข้าให้การช่วยเหลือแล้ว
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่ 4บ้านทุ่งเค็จ ต.ปะแสยาวอ ที่มีบ้านเรือนกว่า 20 ครัวเรือนซึ่งเป็นจุดได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากติดกับริมแม่น้ำสายบุรี และเป็นจุดที่เป็นพื้นที่ต่ำ น้ำได้เข้าท่วมสูง 1-3 เมตร ปรากฏว่าระหว่างสำรวจน้ำท่วม เกิดมีบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านไม้ยกสูงเกิดทรุดตัวลง โชคดีที่คนในบ้านไหวตัวทันรีบหนีออกมาอยู่นอกบ้าน ซึ่งทหารพรานได้เข้าไปช่วยเหลือนกที่อยู่ในกรงหลายตัวที่ติดอยู่ใต้บ้านหลังดังกล่าว โชคดีบ้านยังไม่ถล่ม จึงสามารถช่วยนกได้ทุกตัว
หนึ่งในชาวบ้านที่ประสบภัย กล่าวว่า บ้านที่กำลังจะทรุดตัวมีคนแก่อยู่ด้วยกัน 2 คน อาศัยอยู่ภายในบ้าน เมื่อเห็นว่าบ้านกำลังทรุดตัวจึงรีบหนีออกมา เนื่องจากหลังคาบ้านก็เริ่มพังและมีเสียงคล้ายกับไม้หักตลอดเวลา โดยนายกอเซ็ง หะยีลาเตะ ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านทุ่งเค็จ เปิดเผยว่า จุดนี้เป็นปลายน้ำและมีปัญหาในเรื่องของน้ำหลาก เมื่อมีน้ำจากตอนบน จ.นราธิวาส ชาวบ้านไม่สามารถจะหนีน้ำได้ ต้องรอรับน้ำอย่างเดียว ซึ่งน้ำค่อนข้างเชี่ยว โดยเด็กที่อายุเพียง 2-3ขวบ ยังเดินไม่ได้จึงอันตรายมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี