ปชช.แห่เข้าวัดทำบุญไหว้พระ
รับเทศกาลปีใหม่
เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
สัมผัสหนาว‘อินทนนท์’แน่น
อุณหภูมิ4องศา/แม่คะนิ้งพรึ่บ
ชาวพิษณุโลกและนักท่องเที่ยวแน่นวัดใหญ่ พิษณุโลก ร่วมใส่บาตรรับอรุณ พระสงฆ์เดินออกจากวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช อีกหนึ่ง Solf Power ของจังหวัดพิษณุโลก ที่จัดเป็นประจำทุก 6 โมงเช้าวันเสาร์ ทะลักแน่นดอยนักท่องเที่ยวแห่ท้าลมหนาวบนดอยอินทนนท์ที่เชียงใหม่ก่อนสิ้นปี ทำสถิติสูงสุดกว่า 15,000 คนหนาวยะเยือกสมใจ อุณหภูมิต่ำสุด4องศาฯ เกิดน้ำค้างแข็งครั้งที่7ของปี ตร.เตือน‘ยิงปืนขึ้นฟ้า’ ฉลองปีใหม่ ผิดกฎหมาย ขอความร่วมมือปชช.เป็นหูเป็นตา
เมื่อเวลา 06.00น.วันที่ 30ธันวาคม2566 ที่วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดใหญ่ หรือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เช้านี้หนาแน่นด้วยชาวพิษณุโลกและนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้เดินทางกลับภูมิลำเนา หลายร้อยคน ได้มารอร่วมใส่บาตรรับอรุณ ชินะราชา อรุณเบิกฟ้า ที่จังหวัดพิษณุโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุก 6 โมงเช้าของวันเสาร์ และนับเป็นอีกหนึ่ง Solf Power ของจังหวัดพิษณุโลก กิจกรรมที่ชาวพุทธ ในจังหวัดพิษณุโลก ร่วมใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่เดินออกจากวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิษณุโลก
สำหรับเสาร์นี้ เป็นเสาร์ส่งท้ายของปี 2566 ตั้งแต่ 05.00 น.ทำให้ตั้งแต่บริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช ออกมาจนถึงถนนพุทธบูชา หน้าวัดใหญ่ จึง เนืองแน่นด้วยผู้คนรอใส่บาตรพระสงฆ์ ในบรรดาข้าวสารอาหารแห้ง ต่างๆนั้น ทางวัดได้ใช้ในกิจการของสงฆ์ โดยเฉพาะในการ เป็นปัจจัยเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงสามเณรและพระภิกษุ ที่บวชเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช นอกจากนี้ยังเก็บไว้สำหรับในการแจกให้กับผู้ประสบภัยด้านต่างๆด้วย
สำหรับบริเวณบนดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 30ธ.ค.66 เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติหลายพันคนที่แห่ขึ้นไปท้าลมหนาวและชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นบนดอยที่สูงที่สุดในไทย ทำให้ทั้งผู้คนและรถยนต์แน่นทะลักดอย ซึ่งอากาศหนาวยะเยือกสมใจหลังอุณหภูมิต่ำสุดเช้านี้เหลือเพียง 4องศาเซลเซียส แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เตรียมอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นพร้อมรับความหนาวทั้งเสื้อกันหนาว หมวก ถุงมือ หลายคนพกผ้าห่มมาคลุมเพิ่มความอบอุ่นด้วย และช่วงเช้าวันนี้ยังเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบ บนยอดดอย ซึ่งน้ำค้างที่เกาะตามยอดหญ้าเจอความหนาวเย็นกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็งขาวโพลน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาท้าลมหนาวในช่วงก่อนสิ้นปี ซึ่งเมื่อวานนี้มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปท้าลมหนาวบนดอยอินทนนท์มากกว่า 1,500คน กลายเป็นสถิติใหม่ที่มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปมากที่สุดในรอบปี และคาดว่าวันที่ 31ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสความหนาวเย็นและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่บนดอยอินทนนท์นับหมื่นคน
นายชิตพล เหล่าอัน แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 2 เปิดเผยว่า การใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ จ.นครราชสีมา ขาขึ้นจากภาคกลางช่วงผ่านเขตเมืองนครราชสีมา ประตูหน้าด่าน 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาพรวมเมื่อวานนี้ (29 ธันวาคม) มีปริมาณจราจรรวมทั้งสิ้น 109,828 คัน แยกเป็นใช้ ทล.2 จำนวน 73,804 คันและมอเตอร์เวย์ 36,024คัน สามารถแบ่งเบาได้33 % โดยช่วงเช้าวันที่ 30ธันวาคมนี้ได้รับรายงานว่า ยังมีประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงผ่าน ต.กลางดง อ.ปากช่อง ซึ่งเป็นทางลาดชัน ทำให้รถติดสะสมยาวท้ายแถวสลับหยุดนิ่ง แต่เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 65 บริเวณหน้าศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดนครชัยบุรินทร์ อ.ปากช่อง จุดเข้าออกทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 6 (M6) หรือถนนมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งเปิดให้ใช้ฟรีเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคลจนกว่าการก่อสร้างโครงการจะเสร็จสมบูรณ์และกำหนดเก็บค่าผ่านทางในปี 2568 ทำให้การใช้รถใช้ถนนช่วงเลียบอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว คล่องตัวสามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติ การจราจรไม่คับคั่งเหมือนทุกเทศกาลที่ผ่านมา
นายชิตพล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้บริเวณ กม.2+300 ทล.204 ถ.เลี่ยงเมืองนครราชสีมา ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง การจราจรค่อนข้างคับคั่ง เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมต่อ M6 เข้าเส้นทางหลักไปอีสานตอนบนและตัวเมืองนครราชสีมา ทำให้การจราจรชะลอตัว แต่ยังสามารถเคลื่อนตัวได้ ส่วนการละเมิดหรือกระทำผิดกฎหมายจราจรบนM 6 ยังไม่มี ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง
ที่ท่าเทียบเรือตำมะลัง อำเภอเมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นท่าเรือด่านชายแดนทางน้ำ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและแรงงานไทยในต่างแดน ใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางเข้าประเทศเพื่อกลับมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กันอย่างคึกคัก ซึ่งด่านชายแดนทางน้ำท่าเทียบเรือตำมะลัง จังหวัดสตูลมีเรือเฟอร์รี่ขนาดจุได้มากสุด 300 คนเปิดให้บริการวันละ1เที่ยววิ่งจากเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย โดยส่วนใหญ่ที่เข้าช่องทางด่านชายแดนนี้พบว่าเป็นแรงงานไทยในมาเลเซีย และเพื่อนต้องการเดินทางกลับไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว และหลายคนที่ไปทำงานอยากนำเงินทองที่หามาได้กลับไปร่วมเฉลิมฉลองกัน
พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ด่านชายแดนทั้ง 3 ด่านในจังหวัดสตูล ทั้งที่ด่านวังประจัน อำเภอควนโดน ด่านเกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูลและด่านท่าเทียบเรือตำมะลัง อำเภอเมืองสตูล (ซึ่งเป็นด่านทางน้ำและทางบก) ให้ช่วยกันดูแลความเรียบร้อย นักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ และตรวจสอบสกัดกั้นผู้มีหมายจับเข้าประเทศ โดยวันนี้กำลังจิตอาสาออกหน่วยให้บริการนักท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวก และให้เกิดความประทับใจ ในฐานะเจ้าบ้านที่ดีโดยวันนี้ได้นำน้ำดื่มและขนมพื้นเมืองมาร่วมมาต้อนรับสร้างความสุข และรอยยิ้ม ให้กับผู้เดินทาง ภายใต้หลัก “สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ประทับใจ
ด้าน พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความกังวลในกรณีที่มีเหตุการณ์สูญเสียชีวิตจากเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 ที่อาจเกิดจากค่านิยมที่ผิด ความคึกคะนอง ขาดสติ รวมถึงความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยการยิงปืนขึ้นฟ้าอันตรายเพราะกระสุนปืนที่ยิงออกไปนั้นอาจจะไปตกใส่บุคคลให้ได้รับอันตรายบางรายถึงขั้นเสียชีวิต หรือตกใส่หลังคาบ้านเรือนประชาชนจนได้รับความเสียหาย ซึ่งถือว่าเป็นความผิด และมีโทษตามกฎหมาย
รอง โฆษก ตร.กล่าวว่า การยิงปืนขึ้นฟ้า มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5ปี หรือปรับไม่เกิน10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“และหากกระสุนตกใส่ หรือทะลุหลังคาบ้านเรือน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็จะมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย กล่าว
รอง โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้กำชับตำรวจทั่วประเทศ ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยให้ความรู้กับประชาชนเรื่องการยิงปืนขึ้นฟ้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นเหตุ บุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด ไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่ หรือแจ้งมายังสายด่วน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุข ปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จะได้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่อย่างมีความสุข
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี