สืบจังหวัดตรังโชว์ผลงานลุยข้ามจังหวัดบุกจับ “อ้ายช้าง บางขัน” เดนคุกเพิ่งพ้นโทษมาได้ 3 เดือน ลงมือก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์หญิงสาว ในพื้นที่ อ.เมืองตรังถึง 3 ราย กลางวันแสกๆ บางรายฮึดสู้ เบื้องต้นรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา แถมภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกได้อย่างชัดเจน พลิกแฟ้มประวัติคดีสุดอึ้ง เคยถูกจับกุมนอนเรือนจำมาแล้วในคดีเกี่ยวกับทรัพย์ถึง 5 ครั้ง ก่อนมาลงมือซ้ำ และถูกจับอีกครั้งล่าสุด อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
วันนี้ (30 ธ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดตรัง (กก.สส.ภ.จว.ตรัง) และสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช จำนวนรวมกว่า 10 นาย เข้าจับกุมตัวได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายทวีวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ หรือ อ้ายช้าง อายุ 48 ปี ชาว อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ได้ที่บ้านหมู่ 3 ต.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาล จ.ตรัง ที่ จ.513/2566 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ฐานความผิด "วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม"
พร้อมด้วยของกลางจำนวน 10 รายการ เช่น 1.รถ จยย. ยี่ห้อ ฮฮนด้า MSX สีดำ ทะเบียน กระบี่ จำนวน 1 คัน ซึ่งนายทวีวัฒน์ ผู้ต้องหา รับว่าใช้ขับขี่ไปก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 15.45 น.เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านซุปเปอร์มาร์ท 2.เสื้อผ้า กางเกง และรองเท้า ที่นายทวีวัฒน์ ผู้ต้องหา รับว่าใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ 3.กระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ 4.หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ มีหน้ากาก สีเทา ซึ่งใช้สวมใส่เพื่อปิดบังใบหน้าใช้ในวันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ 5.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮฮนด้า เวฟ ไอ สีน้ำเงิน ทะเบียน นครศรีธรรมราช 1 คัน ซึ่งนายทวีวัฒน์ ผู้ต้องหา รับว่าใช้ขับขี่ไปก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ ต.บางรัก และ ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.66 เวลาประมาณ เวลา 09.00 น.และเวลาประมาณ 15.45 น. 6.บัญชีธนาคาร ชื่อนายทวีวัฒน์ ผู้ต้องหา แจ้งว่ามียอดเงินคงเหลือ 3,000 บาท พร้อมบัตรกดเงินด่วน ATM ซึ่งนายทวีวัฒน์ ผู้ต้องหา รับว่าเงินในบัญชีเป็นเงินที่เหลือจากการขายทองรูปพรรณที่ได้วิ่งราวทรัพย์มาแล้วได้โอนเข้าบัญชีดังกล่าว และ 7.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ที่ผู้ต้องหารับว่าเป็นโทรศัพท์ที่ซื้อโดยเงินที่ได้มาจากการขายทองรูปพรรณที่ได้วิ่งราวทรัพย์มา
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมให้รายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.66 ได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ผู้เสียหายในพื้นที อ.เมืองตรัง 2 รายโดยวันดังกล่าวได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกจากบ้านของตน ใน ต.บางขัน อ.บางขัน ขับมุ่งหน้าผ่าน อ.วังวิเศษ จ.ตรังไปยังเขตตัวเมืองตรัง เมื่อถึงบริเวณ ถนนสายตรัง-สิเกา ม.4 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ได้ทำการวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหาย ได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อม พระกริ่ง 1 องค์ แต่เมื่อได้ขับขี่ไปทาง ต.บางหมาก อ.กันตัง ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าทองรูปพรรณเป็นของปลอม จึงได้นำไปโยนทิ้งบริเวณบ้านหนองเสม็ด ใกล้เรือนจำ จ.ตรัง
จากนั้นวันเดียวกันเวลาประมาณ 12.49 น.ได้ขับรถจักรยานยนต์คันเดิม ไปก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ได้สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระเหรียญกิ้วอ่อง 1 องค์ จี้หยกรูปหัวใจ 1 ชิ้น บริเวณถนนกันตัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ได้ใช้เส้นทางหลบหนีโดยผ่านทาง อ.ห้วยยอด ผ่าน อ.รัษฎา จ.ตรัง และได้นำทองรูปพรรณที่ได้วิ่งราวมา ไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ใน จ.นครศรีธรรมราช ได้เงิน 21,000 บาท และจากการซักถามนายทวีวัฒน์ ผู้ต้องหา ยังให้การรับสารภาพอีกว่าเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2566 เวลาประมาณ 15.47 น.ได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหายมาก่อนด้วย เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านซุปเปอร์มาร์ท ถนนตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พระกริ่ง 1 องค์ โดยครั้งนั้นได้นำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้เงิน 28,000 บาท
จาการพลิกแฟ้มคดีพบว่าผู้ต้องหารายนี้เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำ จ.นครศรีธรรมราชมาเมื่อวันที่ 29 ส.ค.66 หรือประมาณ 3 ที่ผ่านมา ก่อนจะมาถูกจับกุมอีกครั้งในครั้งนี้ และยังพบอีกว่าผู้ต้องหารายนี้เคยถูกคดีและจำคุกในเรือนจำมาแล้วถึง 5 ครั้ง ได้แก่ ปี 2555 คดีวิ่งราวทรัพย์ พื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ปี 2548 คดีวิ่งราวทรัพย์ พื้นที่ สภ.เมืองตรัง ปี 2559 คดีชิงทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.สิเกา จ.ตรัง ปี2560 คดีชิงทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.กันตัง และในปี 2555 คดีวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จนกระทั่งเพิ่งพ้นโทษออกมาและมาก่อเหตุซ้ำและถูกจับกุมอีกครั้งล่าสุดนี้
สำหรับ 2 เหตุการณ์ล่าสุดที่ผู้ต้องหาได้ลงมือก่อเหตุ ปรากฏพยานหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ที่ 1 ได้ปรี่เข้ามากระชากสร้อยจากคอหญิงสาวรายหนึ่ง ก่อนจะวิ่งขึ้นรถ จยย.โดยที่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหญิงสาวพยายาม ฮึดสู้เข้าไปยื้อยุดฉุดกระชาก แต่ไม่สามารถสู้แรงไหว ประกอบกับคนที่เห็นเหตุการณ์คิดเป็นเหตุสามีภรรยาทะเลาะกัน จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามหรือช่วยเหลือ และผู้ต้องหาได้พยายามข่มขู่ว่า "เดี๋ยวแทงตาย"
ขณะเดียวกันยังเห็นว่ารถ จยย.ของผู้ต้องหามีอาการผิดปกติไม่สามารถขับขี่ออกไปได้ในทันทีทันใด ใช้เวลาอยู่ประมาณหนึ่ง ก่อนขับรถย้อนศรออกไป และทรัพย์ที่ได้ตกบนถนน และได้จอดเก็บ ส่วนเหตุการณ์ภาพจากวงจรปิดครั้งที่ 2 ผู้ต้องหาได้ลงจาก รถ จยย.ปละปี่เข้าไปกระชากสร้อยของหญิงสาวอีกรายโดยทันทีเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน และนำตัวส่งฝากขังศาล จ.ตรัง ต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี