นายกเทศมนตรีนครสงขลา ยืนยันเร่งดำเนินการก่อสร้างพญานาคพ่นน้ำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ขณะนี้มีการดำเนินการทำสัญญากับผู้รับเหมาไปเรียบร้อยแล้วในการก่อสร้างเฟส 2 งบ 14 ล้านบาทและจะแล้วเสร็จตามสัญญาวันที่ 6 กันยายน 2567 เนื่องจากเป็นหน้าตาและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซีย
จากกรณีประติมากรรมหัวพญานาคพ่นน้ำมาสคอตของแหลมสนอ่อนแหล่งท่องเที่ยว ปิดพื้นที่ชั่วคราวตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 เนื่องจากทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2549-2550 ยังไม่เคยตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างและบูรณะซ่อมแซมเลยตั้งแต่ก่อสร้างมา โดยทำการรื้อโครงสร้างเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมออกทั้งหมดและก่อสร้างลานหัวพญานาคใหม่ พร้อมปรับภูมิทัศน์โดยรอบ เทศบาลนครสงขลาดำเนินการก่อสร้างเฟส 1 ซึ่งเป็นโครงสร้างเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา
ส่วนเฟส 2 งบ 14 ล้านบาท ทางเทศบาลนครสงขลา ไม่ได้ดำเนินการในปี 2565 เนื่องจากในเขตเทศบาลนครสงขลา มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด ของประชาชนและในชุมชนต่างๆอย่างกว้างขวาง ทำให้ทางเทศบาลนครสงขลาต้องนำเงินส่วนนี้ มาใช้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลนครสงขลาให้มีความปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด 19 ก่อนโดยนำงบประมาณ 14 ล้านบาทมาตั้งในปีงบประมาณปี 2567 แทน หลังจากที่การแพร่ระบาดโควิด-19 เบาบางลงเพื่อนำเงินจำนวน 14 ล้าน มาดำเนินการตามโครงการเฟส 2 ในปีงบประมาณ 2567
สำหรับในเฟสที่ 2 ปีงบประมาณ 2567 งบ 14 ล้านบาททำการติดตั้งหัวพญานาคให้กลับขึ้นไปวางที่เดิมบนตัวอาคาร งานระบบไฟฟ้า สุขาภิบาลระบบพ่นน้ำ ลานเชื่อมต่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ห้องน้ำ หญิง-ชายและคนพิการ ห้องศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สำหรับเฟส 3 เป็นการปรับภูมิทัศน์ให้มีความสวยงามมากขึ้นและต่อเนื่องระหว่างหัวพญานาคไปจนถึงท่าแพขนานยนต์ เพื่อทำในส่วนบริเวณนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง
ในขณะนี้ทางผู้รับเหมาก่อสร้างได้ทำการล้อมรั้วโดยรอบบริเวณ แต่ก็ไม่ปิดประตูทางเข้า คาดว่าประมาณปลายเดือนมกราคม 2567 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพอากาศจะไม่มีฝนตกหนัก สามารถทำงานกลางแจ้งได้
ในขณะเดียวกัน แม้ว่าพญานาคพ่นน้ำได้ถูกนำลงมาวางไว้ที่บริเวณด้านข้างของโครงสร้างอาคารก็ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางจากกรุงเทพมหานครเข้ามาท่องเที่ยวและถ่ายภาพกับพญานาคพ่นน้ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพญานาคพ่นน้ำเป็นประติมากรรมของไทยที่มีความสวยงาม อ่อนช้อยในลวดลายแบบลายไทยของหัวพญานาคที่ไม่มีประเทศใดเสมอเหมือน อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครชุดนี้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่บริเวณนี้เป็นครั้งแรกเนื่องจากมีความศรัทธาในเรื่องของพญานาค โดยคาดว่าเมื่อพญานาคพ่นน้ำสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีนักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเมือนเดิม และเป็น landmark จุดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเทศบาลนครสงขลา
นายวันชัย ปริญญาศิริ นายกเทศมนตรีนครสงขลา กล่าวว่า สำหรับหัวพญานาคเราได้ทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2550 และเป็นการสร้างบริเวณริมทะเล ความเสียหายจากกลไกภายในของพญานาคพ่นน้ำ เนื่องจากโดนความเค็มจากทะเล ทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งพื้นผิวของพญานาค ซึ่งเป็นทองเหลืองรมดำ ทางผู้บริหารชุดก่อน มีแนวคิดที่จะนำลงมาซ่อม เพื่อให้กลับไปพ่นน้ำให้มีความสวยสง่าเหมือนดั่งเดิม ซึ่งได้นำลงมาตั้งแต่ปี2562 และเตรียมที่จะดำเนินการซ่อมแซมอยู่แล้ว
แต่เนื่องจากในปี 2563 ถึง 2565 ก็มีการเกิดโรคระบาดโควิด ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยลดอัตราการจัดเก็บภาษีจาก 100% เหลือ 10% ทำให้ทางเทศบาลนครสงขลา ขาดรายได้ที่จะมาซ่อมแซมหัวพญานาค และหลังจากที่ได้ผ่านพ้นจากสภาวะของโรคระบาดแล้ว เราก็เลยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 โดยตั้งงบประมาณซ่อมแซมหัวพญานาคพร้อมทั้งบูรณะบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้หัวพญานาคกลับมาตั้งสวยสง่าและพ่นน้ำเป็นแลนด์มาร์คของการท่องเที่ยวได้เหมือนเดิม
"ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในปี 2567 คือปีนี้ผมเองซึ่งได้เข้ามาบริหารเทศบาลนครสงขลาก็ได้ของงบพัฒนาจังหวัดมาอีก 15 ล้านเพื่อพัฒนาปรับภูมิทัศน์จากหัวพญานาคไปจนถึงบริเวณริมทะเลสาบสงขลาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชมวิวต่อเนื่องจากหัวพญานาคคาดว่าในปี 2567 นี้หัวพญานาคจะกลับมาพ่นน้ำและบริเวณนั้นก็จะมีการปรับปรุงให้มีความสวยงามเป็น landmark ที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา" นายวันชัย กล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี