วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
‘TDRI’แนะ 5 ข้อถึงรัฐบาล ยกระดับคุณภาพการศึกษาเด็กไทย

‘TDRI’แนะ 5 ข้อถึงรัฐบาล ยกระดับคุณภาพการศึกษาเด็กไทย

วันศุกร์ ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2567, 16.13 น.
Tag : การศึกษา คำขวัญวันเด็ก คุณภาพการศึกษา เด็กไทย รัฐบาล วันเด็ก TDRI
  •  

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เผยแพร่บทความ “ถอดโจทย์ระบบการศึกษาไทยจากคำขวัญวันเด็ก” เขียนโดย พงศ์ทัศ วนิชานันท์ นักวิจัยอาวุโส นโยบายด้านการปฏิรูปการศึกษา TDRI เนื้อหาดังนี้

“มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” เป็นคำขวัญวันเด็กปีนี้ ที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน มอบไว้เนื่องในวันเด็กแห่งชาติปี 2567


แน่นอนว่าระบบการศึกษามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมคุณสมบัติเด็กไทย

“พงศ์ทัศ วนิชานันท์” นักวิจัยอาวุโส นโยบายด้านการปฏิรูปการศึกษา ทีดีอาร์ไอ  “ถอดโจทย์” จะทำอย่างไรให้ “เด็กในคำขวัญ” ไม่เป็นเพียง “เด็กในความฝัน” ที่ผู้ใหญ่อยากให้เป็นเท่านั้น

มองโลกกว้าง-คิดสร้างสรรค์

“มองโลกกว้าง-คิดสร้างสรรค์” สะท้อนถึงการเรียนในยุคปัจจุบัน เด็กต้องไม่มัวขวนขวายหาความรู้เพียงในตำรา แต่เด็กต้องเงยหน้าขึ้นมามองโลกกว้างแล้วนำความรู้ที่ได้ไปใช้จริง ที่สำคัญเด็กต้องสามารถคิดได้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีขึ้น

การนำความรู้มาใช้ในชีวิตจริง เด็กต้องมีสมรรถนะที่ครอบคลุมความรู้ ทักษะ และทัศนคติ นอกจากนี้ ในด้านความรู้จำเป็นต้องส่งเสริมให้เด็กมีความสามารถในการคิดให้ไปไกลกว่าระดับพื้นฐาน (จำ-เข้าใจ-ประยุกต์ใช้) แต่ต้องทำให้เด็กสามารถคิดขั้นสูงได้ (วิเคราะห์-ประเมินค่า-สร้างสรรค์สิ่งใหม่)

ระบบการศึกษาจะตอบโจทย์ได้จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายในหลักสูตรให้เด็กมีสมรรถนะและสามารถคิดขั้นสูงได้ โดยระบบต้องเอื้ออำนวยให้ครูสามารถจัดประสบการณ์เรียนรู้แบบบูรณาการได้อย่างเต็มที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้นำความรู้ที่ได้จากวิชาต่าง ๆ มาใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์จริง รวมทั้งเชื่อมโยงผลลัพธ์ของการศึกษากับความก้าวหน้าทางอาชีพของครู

การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง ระบบการศึกษาต้องเปิดโลกเด็กให้กว้าง กล่าวคือนอกจากทำให้เด็กได้เรียนรู้จากเกิดขึ้นรอบตัวในชุมชน จังหวัด หรือภายในประเทศ แต่ต้องให้น้ำหนักกับความเคลื่อนไหวในต่างประเทศด้วยเพื่อให้เท่าทันโลก โดยเฉพาะประเด็นที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญ เช่น สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) เป็นต้น

อีกประเด็นที่ระบบการศึกษาต้องให้ความสำคัญคือ “ความรู้มีวันหมดอายุและความรู้หมดอายุเร็วกว่าที่เราคิด” ดังนั้น เงื่อนไขหนึ่งที่จะทำให้เด็กสามารถ “มองโลกกว้าง-คิดสร้างสรรค์” ได้อย่างเท่าทันโลกอยู่เสมอคือ ระบบการศึกษาต้องสร้างเด็กให้มีจิตใจแห่งการเติบโต (Growth Mindset) โดยเด็กจะต้องมีความเชื่อว่าตัวเองสามารถที่จะเรียนรู้และพัฒนาได้ ทำให้กล้าลงมือทำ พร้อมรับมือกับความล้มเหลว ลุกขึ้นได้เร็ว และเริ่มทำใหม่โดยนำความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน

การสอนที่จะช่วยให้เด็กมีจิตใจแห่งการเติบโต ครูต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่นักเรียน โดยไม่เน้นเรื่องผิด-ถูกเป็นสำคัญแต่เน้นให้เด็กกล้าแสดงออก ยอมรับความคิดเห็นที่หลากหลาย และมีการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ เช่น โจทย์คณิตศาสตร์  ครูควรเปิดให้เด็กอธิบายวิธีการคิดมากกว่ามุ่งหาคำตอบ ประเมินความเข้าใจของเด็ก และเติมเต็มในจุดที่ควรพัฒนา เป็นต้น

เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย

“เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ในหน้าที่ พร้อมรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและสังคม คุณสมบัตินี้สามารถสร้างได้ผ่านกิจกรรมจัดประสบการณ์เรียนรู้ในห้องเรียน และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในโรงเรียน

ห้องเรียนสามารถทำให้เด็กที่มาจากพื้นเพที่ต่างกันสามารถเรียนรู้และเคารพซึ่งกันและกันได้ หากเป้าหมายของระบบการศึกษามุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skills) และครูสามารถจัดประสบการณ์เรียนรู้แบบการทำงานเป็นทีมได้ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้แบ่งบทบาทหน้าที่ สร้างข้อตกลง แลกเปลี่ยนความรู้ รับผิดชอบต่อหน้าที่ และแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน

ครูอาจเสริมประสบการณ์เพิ่มเติม โดยเปิดให้เด็กมีส่วนร่วมในการสร้างกฎกติกาในห้องเรียนหรือโรงเรียน เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือในห้องเรียน แทนที่ครูจะห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์ แต่ชวนให้นักเรียนมาสร้างกฎว่าจะจัดการอย่างไรเพื่อไม่ให้รบกวนในการเรียน หรือ เรื่องทรงผมนักเรียน แทนที่ครูจะเป็นคนกำหนดกติกาการไว้ทรงผม แต่ใช้วิธีการสื่อสาร ให้เด็กทราบถึงข้อดีข้อเสียหากไว้ผมยาว และเชิญชวนให้เด็ก ผู้ปกครอง และโรงเรียนร่วมกันกำหนด เป็นต้น

การรักษาสิทธิของนักเรียนโดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในโรงเรียน โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิทางร่างกายก็เป็นการวางรากฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และส่งเสริมวัฒนธรรมประชาธิปไตยได้ โดยโรงเรียนควรมีมาตรการปกป้องสิทธิของนักเรียน เช่น เรื่องทรงผม หรือระบบการศึกษาควรมีมาตรการป้องกันความรุนแรงในโรงเรียน เพื่อไม่ให้เกิดการลงโทษที่รุนแรง หรือการคุกคามเด็ก

ความปลอดภัยในโรงเรียนไม่เพียงแต่ทำให้เด็กเคารพความแตกต่างและวางรากฐานประชาธิปไตย แต่ผลการทดสอบ PISA 2022 ยังชี้ว่า เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยมีแนวโน้มที่จะคะแนนสอบหรือผลการเรียนดีขึ้นอีกด้วย

ระบบการศึกษาไทยตอบโจทย์แล้วหรือยัง?

จากการวิจัยของทีดีอาร์ไอ ระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันยังไม่น่าสร้างเด็กที่ “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” เนื่องจากสาเหตุอย่างน้อย  3 ประการ ดังนี้

ประการที่หนึ่ง เป้าหมายไม่ตรงโจทย์ หลักสูตรแกนกลางยังเน้นความรู้เป็นหลัก ไม่เน้นทักษะและทัศนคติเพียงพอให้เด็กมีสมรรถนะในการ “มองโลกกว้าง” นอกจากนี้ ในด้านความรู้ ส่วนใหญ่เป็นเพียงการคิดระดับพื้นฐานยังไม่ไปถึงการคิดขั้นสูงมากนัก จึงไม่น่าจะสร้างเด็กที่ “คิดสร้างสรรค์” ได้

ประการที่สอง ระบบไม่เอื้อให้ครูจัดประสบการณ์เรียนรู้ได้เต็มที่ เนื่องจากครูมีภาระงานอื่นนอกเหนือการสอนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการรายงานผลตามนโยบายหรือโครงการของส่วนกลาง ทำให้ไม่สามารถสอนได้เต็มที่ นอกจากนี้ เกณฑ์การประเมินครูให้น้ำหนักกับผลลัพธ์ของตัวเด็กไม่มากนัก จึงไม่น่าสร้างแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะที่จำเป็น

ประการที่สาม การป้องกันการละเมิดสิทธิเด็กยังไม่เป็นระบบ ที่ผ่านมาถือว่ากระทรวงศึกษาธิการมีความพยายาม แก้ปัญหา แต่มีลักษณะเป็นการแก้แบบเป็นครั้ง ๆ ไป ทำให้ยังพบเห็นข่าวการละเมิดสิทธิหรือคุกคามอยู่ต่อเนื่อง

ทำอย่างไรให้ “เด็กในคำขวัญ” ไม่เป็นเพียง “เด็กในความฝัน”

“เด็กในคำขวัญ” จะไม่เป็นเพียง “เด็กในความฝัน” ระบบการศึกษาจำเป็นต้องมีการปรับปรุงใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ว่า ในด้านการศึกษา รัฐบาลจะดำเนินนโยบายปฏิรูปการศึกษา และมีการจัดทำหลักสูตรที่เหมาะสมกับความรู้ความสนใจของผู้เรียน

ทีดีอาร์ไอ มีข้อเสนอที่สอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรี ดังนี้

ข้อที่หนึ่ง เร่งปรับหลักสูตรแกนกลางใหม่ภายใน 2 ปี โดยให้อิงสมรรถนะ และส่งเสริมการคิดขั้นสูง จากการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร โดยอาจนำร่างหลักสูตรฐานสมรรถนะที่มีการพัฒนามาก่อนเป็นจุดเริ่มต้น หรือพัฒนาในรายวิชาที่พร้อมทำได้ทันที

ข้อที่สอง กำหนดกฎกติกาให้หลักสูตรแกนกลางมีการทบทวนและปรับอย่างสม่ำเสมอ โดยผลักดันให้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ กำหนดให้มีวงรอบการปรับที่ชัดเจน โดยไม่นานเกินไปจนความรู้หมดอายุ หรือไม่สั้นจนเกิดไปโรงเรียนปรับตัวไม่ทัน เช่น ทุก 6 ปี เป็นต้น

ข้อที่สาม ลดภาระงานอื่นครูเพื่อให้สอนได้เต็มที่ โดยในปีแรก กระทรวงศึกษาธิการควรทบทวนโครงการที่โรงเรียนต้องรายงานผลเพื่อบูรณาการการให้มากที่สุด และสำหรับปีต่อ ๆ ไปตั้งตัวชี้วัดจากงานปกติที่โรงเรียนทำ เช่น การประกันคุณภาพ และคะแนนสอบในห้องเรียน เป็นต้น โดยไม่สร้างตัวชี้วัดใหม่ ๆ ให้โรงเรียนต้องรายงาน

ข้อที่สี่ ปรับเกณฑ์การประเมินครูโดยเน้นผลลัพธ์ของตัวเด็ก โดยให้น้ำหนักกับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนเป็นสำคัญ ส่วนด้านที่เหลืออาจประเมินจากภาระงานหรือกิจกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาวิชาชีพหรือพัฒนาคุณภาพโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) และผลการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา เป็นต้น

ข้อที่ห้า มีมาตรการป้องกันการละเมิดสิทธิเด็กยังอย่างเป็นระบบ โดยนำมาตรการที่มีอยู่แล้ว อาทิ ศูนย์บริการประชาชนของกระทรวงศึกษาธิการ มาเสริมกลไกเพิ่มเติม เช่น ระบบการร้องเรียนที่ไม่เปิดเผยตัวตนผู้ร้องเรียน ระบบการตรวจสอบเหตุ ระบบการส่งต่อไปยังหน่วยงานอื่นกรณีไม่สามารถแก้ปัญหาภายในโรงเรียนได้ และกำหนดให้ความปลอดภัยในโรงเรียนเป็นหนึ่งในเกณฑ์การประเมินภายนอกของสถานศึกษา เป็นต้น

ขอบคุณเรื่องจาก : https://tdri.or.th/2024/01/childrensday-motto-2024-regenerate-education

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รัฐบาลย้ำโรงเรียนทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติช่วงฤดูฝน รัฐบาลย้ำโรงเรียนทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติช่วงฤดูฝน
  • \'เพิ่มพูน\'ดันนำ\'ดิจิทัล-AI\'พัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย 'เพิ่มพูน'ดันนำ'ดิจิทัล-AI'พัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย
  • ปธ.กมธ.การศึกษาฯลุยแก้ปัญหา ‘คุณภาพการศึกษา’ ของโรงเรียนขนาดเล็ก ปธ.กมธ.การศึกษาฯลุยแก้ปัญหา ‘คุณภาพการศึกษา’ ของโรงเรียนขนาดเล็ก
  • \'ศธ.\'ปรับปรุงแผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ เพื่อเพิ่มคุณภาพ-เท่าเทียม 'ศธ.'ปรับปรุงแผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ เพื่อเพิ่มคุณภาพ-เท่าเทียม
  • รัฐบาลผลักดัน\'ข้าวหมาก\'ของดีของไทย แหล่งโพรไบโอติกไปตลาดโลก รัฐบาลผลักดัน'ข้าวหมาก'ของดีของไทย แหล่งโพรไบโอติกไปตลาดโลก
  • พาน้องกลับมาเรียน! ‘สพฐ.’เดินหน้าพาเด็กกลับสู่ระบบการศึกษา พาน้องกลับมาเรียน! ‘สพฐ.’เดินหน้าพาเด็กกลับสู่ระบบการศึกษา
  •  

Breaking News

พื้นที่ทางทะเล-ทางบก เป็นของคนไทย ไม่ใช่ของ'ชินวัตร'-'ฮุนเซน'หยุดเพ้อได้แล้ว

(คลิป) 'ฮุนมาเนต'สั่งสอน! 'อุ๊งอิ๊งค์'จุกทุกดอก อับอายขายขี้หน้า!!

กลุ่มแฟนคลับ ททบ.5 แห่ให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ในการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ

‘บิ๊กเล็ก’ขอทำงาน โยน‘ปรับครม.’ถามผู้ที่เกี่ยวข้อง เหตุไม่ได้เจอหัวหน้ารทสช.เลย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved