ประเพณีการทอดกฐิน ในแต่ละปีกำหนดให้มีการจัดทอดกฐินขึ้นภายใน 1 เดือน หลังประเพณีออกพรรษา การทอดกฐินเป็นกาลทาน ตามพระวินัยกำหนดกาลไว้ คือ ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ใคร่จะทอดกฐิน ก็ให้ทอดได้ในระหว่างระยะเวลานี้ จะทอดก่อนหรือทอดหลังกำหนดนี้ ก็ไม่เป็นการทอดกฐิน
คำว่า กฐิน แปลว่า ไม้สะดึง คือกรอบไม้ชนิดหนึ่งสำหรับขึงผ้าให้ตึง สะดวกแก่การเย็บ ในสมัยโบราณเย็บผ้าต้องเอาไม้สะดึงมาขึงผ้าให้ตึงเสียก่อนแล้วจึงเย็บเพราะช่างยังไม่มี ความชำนาญเหมื่อนสมัยปัจจุบันนี้ และเครื่องมือในการเย็บก็ยังไม่เพียงพอเหมือนจักรเย็บผ้าในปัจจุบัน การทำจีวรในสมัยโบราณจะเป็นผ้ากฐิน หรือแม้แต่จีวรอันมิใช่ผ้ากฐิน ถ้าภิกษุทำเอง ก็จัดเป็นงานเอิกเกริกทีเดียว เช่น ตำนานกล่าวไว้ว่า การเย็บจีวรนั้น พระเถรานุเถระต่างมาช่วยกัน เป็นต้นว่า พระสารีบุตรพระมหาโมคคัลลานะพระมหากัสสปะแม้สมเด็จพระบรมศาสดาก็เสด็จลงมาช่วย ภิกษุสามเณรอื่นๆ ก็ช่วยขวนขวายในการเย็บจีวร อุบาสกอุบาสิกาก็จัดหาน้ำดื่มเป็นต้น มาถวายพระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธะเป็นประธาน โดยนัยนี้ การเย็บจีวรแม้โดยธรรมดา ก็เป็นการต้องช่วยกันทำหลายผู้หลายองค์ (ไม่เหมือนในปัจจุบัน ซึ่งมีจีวรสำเร็จรูปแล้ว)
สำหรับ จ.สมุทรปราการ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ ได้มีการจัดทอดกฐินหาทุนบูรณะวัดภาวนาราม ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ วัดขุนสมุทรจีน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และ วัดสาขลา ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
โดย นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เจนี่ อัศวเหม และนายพูลผล อัศวเหม นายกสมาคมกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยประชาชนจังหวัดสมุทรปราการช่อง 7 และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ร่วมพิธีทอดกฐินหาดังกล่าว
นายชนม์สวัสดิ์กล่าวว่า การจัดทอดกฐินในครั้งนี้ตนตั้งใจที่จะร่วมทำบุญกับพี่น้องชาว จ.สมุทรปราการและคนใจบุญอื่นๆ โดยจัดทอดกฐินทั้งหมด 3 วัด คือ วัดภาวนาราม วัดขุนสมุทรจีน วัดสาขลา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมากที่มีคนใจบุญมาร่วมงานบุญในครั้งนี้จำนวนมาก โดเชยเงินจากการทอดกฐินครั้งนี้จะนำไปบูรณะตามความต้องการของวัด
สำหรับวัดภาวนาราม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้รับอนุญาตให้สร้างวัด เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2518 กระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2519 ซึ่งที่วัดนี้เป็นสำนักเจริญภาวนา สาขาการปฏิบัติธรรมของวัดปากน้ำภาษีเจริญ มหาเถรสมาคม จึงได้ขนานนามว่า “วัดภาวนาราม”
วัดขุนสมุทรจีน สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2510 เป็นวัดไทยที่ในปัจจุบันล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลเนื่องจากพื้นดินรอบๆถูกน้ำทะเลกถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนพื้นดินหายไป พื้นด้านล่างของวัดถูกยกให้สูงขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำทะเลกัดเซาะจนพังลง ซึ่งรวมทั้งโบสถ์และกุฏิที่พระสงฆ์จำวัดอยู่ด้วย
และวัดสาขลา สร้างเมื่อประมาณปี 2325 สันนิษฐานว่า ชาวบ้านช่วยกันสร้าง เมื่อคราวรบชนะพม่าแต่เดิมหมู่บ้านที่ตั้งวัด เรียกกันว่า “สาวกล้า” ต่อมาคำพูดเพี้ยนมาเป็นสาขลา ทำให้นามวัดเปลี่ยนมาเป็น “วัดสาขลา”
“อบจ. สมุทรปราการ ก็มีความตั้งใจที่จะส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางพุทธศาสนา และการสืบสานประเพณีของท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการบูรณะวัดวาอารามหรือแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์และการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของ จ.สมุทรปราการ ให้เป็นที่รู้จัก เป็นการเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสกับสมุทรปราการเพิ่มมากขึ้น” นายชนม์สวัสดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี