นายกฯ สั่ง ผบ.ตร. สางคดีแก๊งเยาวชนฆ่า “ป้าบัวผัน” ลั่นรับไม่ได้หากตำรวจจับแพะ ขอศึกษาข้อดี-ข้อเสีย หากมีการเสนอแก้กฎหมายลงโทษเด็ก ขณะที่ “บิ๊กต่อ”ควง“บิ๊กโจ๊ก”บินไปสระแก้ว มอบหมายให้ ผบช.ภ.2 ลงไปติดตามคดีด้วยตัวเอง พร้อมสรุปให้เสร็จภายใน 20 ม.ค.นี้ ด้าน รองผบ.ตร.เผยสั่งไล่ดูคดีทุกโรงพักทั้งเก่าและใหม่ที่แก๊งลูกตำรวจเคยก่อไว้ ลั่นเด็กกลุ่มนี้ต้องอยู่ในสถานพินิจฯ อย่างน้อย 3 ปี ส่วนตำรวจที่คลุมถุงดำต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
เมื่อเวลา 10.40 น.วันที่ 19 มกราคม 2567 ที่อาคารรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มเยาวชนที่สระแก้วรุมทำร้ายนางสาวบัวผัน หรือป้ากบ วัย 47 ปีจนเสียชีวิต ซึ่งภายหลังปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามามีลักษณะช่วยเหลือผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว ว่า ตนก็ได้กำชับไปกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แล้ว ว่า เรื่องนี้ต้องไปถึงรากฐานที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องจัดการให้ได้ ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) ตนมีกำหนดการไปดูโครงการตามพระราชดำริฯ ที่จังหวัดเชียงใหม่พร้อมกับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ด้วย ก็จะมีการพูดคุยกัน เรื่องนี้ต้องสืบให้จบ และที่สำคัญต้องแถลงข่าวให้ประชาชนทราบว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร แท้จริงมันคืออะไร
ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงการจับแพะแทนผู้กระทำความผิดจริง นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบสวนว่า “โอ้ย คงรับไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย”
เมื่อถามว่าจะสะสางคดีเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องทำให้ได้
เมื่อถามย้ำว่าถ้าหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนกระทำผิดกฎหมายด้วย จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีความผิดของกลุ่มเยาวชนที่มีหลายฝ่าย รวมทั้ง ผบ.ตร.อาจจะมีการเสนอให้ปรับกฎหมาย ให้ผู้ที่มีอายุน้อยได้รับโทษ เพราะปัจจุบันมีผู้กระทำความผิดเป็นเยาวชนจำนวนมาก แต่ได้รับโทษสถานเบา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอพูดคุยก่อน ตนก็ได้ยินมาคร่าวๆ เหมือนกันระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งจะไปพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าเหตุผลคืออะไร ข้อดีข้อเสียคืออะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมารอเข้าพบนายกรัฐมนตรี หลังลงจากเครื่องบินกลับมาจากภารกิจที่ดาวอส ซึ่งคาดว่า มารายการความคืบหน้าคดีดังกล่าวด้วย
ต่อมา เวลา 14.00 น.ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้บินด่วนมาติดตามการดำเนินคดีฆาตกรรมป้าบัวผัน และการสอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ที่มีเอี่ยวกับการบีบบังคับทรมานลุงเปี๊ยกสามีป้าบัวผันให้รับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าป้าบัวผันเอง หลังจากมีคลิปเสียงหลุด อีกทั้งลุงเปี๊ยกได้ยอมเปิดปากแล้วว่าถูกตำรวจชุดสืบสวนบีบบังคับให้รับสารภาพ โดยชี้รูปนายดาบตำรวจนายหนึ่งที่มาข่มขู่บีบให้รับสารภาพทั้งๆที่ไม่ได้กระทำผิด
โดยเมื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ เดินทางมาถึง ได้เรียกประชุมด่วนที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว โดยมี พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ออมสิน บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ให้การต้อนรับและนำผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น รอง ผวจ.สระแก้ว และศูนย์ดำรงธรรมสระแก้วเข้าร่วมประชุมด้วย
หลังเสร็จการประชุม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แถลงว่า เดินทางมาที่ จ.สระแก้ว เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี 5 เยาวชนฆาตกรรมป้าบัวผัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กำชับและสั่งการให้ลงมาดูแลด้วยตนเอง ซึ่งตอนนี้การดำเนินคดีมีความคืบหน้าไปได้มากแล้ว โดยกำชับให้ดำเนินคดีให้โปร่งใสที่สุดโดยมีการทำงานเป็นทีมมีทั้งรอง ผวจ.สระแก้ว และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้
ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ เผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ ผบช.ภ.2 ลงมาดูแลดำเนินคดีและขยายผลการแจ้งข้อหาคดีต่างๆโดยให้ดำเนินการต่างๆให้ตรงไปตรงมาทุกคดีเน้นความโปร่งใส โดยให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงมาดูอย่างใกล้ชิดและให้สรุปผลดำเนินการในวันที่ 20 ม.ค. และให้แถลงข่าวผลการดำเนินการให้ทราบทันที
พล.ต.อ.สุรเชษฐ ให้สัมภาษณ์อีกว่า วันนี้ลงมาเพื่อดูสำนวนทั้งหมดที่เด็กพวกนี้ก่อเหตุทั้งคดีเก่าคดีใหม่ แล้วจะไล่สำนวนทั้งหมดมาดำเนินคดีกับเด็กพวกนี้ให้ได้เพื่อไปเพิ่มคดีให้เด็กพวกนี้ โดยจะเรียกสำนวนคดีที่เด็กพวกนี้ก่อเหตุทุกโรงพักมาดูให้หมด ส่วนเด็กเหล่านี้ขณะนี้เด็กทั้งหมดต้องอยู่ในสถานพินิจอย่างน้อยก็ 3 ปี อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ลุงเปี๊ยกชี้รูปตำรวจที่บีบบังคับให้รับสารภาพนั้นตอนนี้ได้กำชับพนักงานสอบสวน ต้องดำเนินคดีทั้งหมด ใครมีส่วนรู้เห็นก็โดนด้วยทั้งหมด
ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ประธาน กมธ.การสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎรแถลงกรณีที่ทั้ง 2 กมธ.ยกเลิกการไปพบลุงเปี๊ยกที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี อ.ธัญบุรี ปทุมธานี
นายชัยชนะ กล่าวว่าที่เราไม่ได้ไปพบ ลุงเปี๊ยก เนื่องจากเมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 ม.ค. ทราบตัวผู้ที่กระทำการทรมานลุงเปี๊ยกแล้ว และได้มีการแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทรมาน ลุงเปี๊ยก ทั้งตำรวจขาเป๋ และรองผู้กำกับสืบสวน ที่รับทราบเหตุแต่ไม่ยับยั้ง ประกอบกับ ลุงเปี๊ยก ได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลธัญรักษ์ ที่เป็นโรงพยาบาลรักษาโรคทางจิตเวช เนื่องจาก ลุงเปี๊ยกเป็นแอลกอฮอล์ลิซึม ดังนั้น ทาง กมธ.จึงรอให้อาการของ ลุงเปี๊ยก ดีขึ้นก่อน เพื่อที่จะเข้าไปพบอีกครั้งและสอบถามว่ากระบวนการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการไปนั้นพอใจแล้วหรือยัง และหลังจากนี้ต้องการเรียกร้องและเยียวยาอะไรบ้าง
ทั้งนี้ กรณีของ ป้าบัวผัน ถือว่าเป็นกรณีที่น่าศึกษามาก เพราะถ้าพูดกันตามตรงวันนี้ ลุงเปี๊ยก เข้าไปเรือนจำ 100% แล้ว เพียงแต่เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าไปดูก็ได้หลักฐานใหม่ ลุงเปี๊ยก จึงได้รับอิสรภาพ และได้รับการบำบัด ดังนั้น ขอฝากว่าในการทำคดีต้องทำให้เรียบร้อยอย่าเร่งรีบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ไม่ว่าจะเป็นดาบตำรวจและรองผู้กำกับสืบสวนที่มีส่วนใช้ถุงดำคลุม ลุงเปี๊ยก ในการไปรีดและทรมานต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไปพึ่งใครได้
“ส่วนเรื่องข้อกฎหมายที่ต้องมีการแก้ไขที่จะเอาผิดเยาวชน ต้องยอมรับว่ากฎหมายเปิดช่องให้เยาวชนพอสมควร ดังนั้นผมคิดว่าถ้าจะมีการแก้กฎหมายในอนาคตก็ต้องแก้ในส่วนที่กระทำผิดที่กำหนดว่าอายุ 18 ปี ต้องออกจากสถานพินิจ แต่การกระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตรตรองไว้ก่อน ก็ควรที่จะให้บุคคลนั้นออกจากสถานพินิจแล้วเอาไปคุมขังที่เรือนจำกลาง ไม่เช่นนั้นในอนาคต สมมติว่าคนที่คิดทำร้ายผู้อื่นก็จะใช้เด็ก เยาวชนเหล่านี้เป็นเครื่องมือ เพราะอย่างไรโทษก็ไม่เกิน 18 ปี สมมติว่าเด็กคนนี้อายุ 15 ปี ก็รับโทษแค่ 3 ปีเท่านั้น จึงมองว่าถ้าเรามีช่องว่างทางกฎหมาย ก็มีช่องว่างการกระทำความผิด” นายชัยชนะ กล่าว
ด้าน นายณัฐชา กล่าวว่า ในฐานะกมธ.สวัสดิการฯ และมีข้อเรียกร้องจากสังคมจำนวนมากในเรื่องของกฎหมายการคุ้มครองเด็ก เรื่องบบทลงโทษเด็กที่กระความผิด เพราะวันนี้เยาวชนที่กระทำความผิด กระทำความรุนแรง และทำให้ผู้อื่นเสียหายจนถึงชีวิต ซึ่งในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 73 74 และ 75 ระบุไว้ว่า เด็กที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี ไม่ต้องรับโทษโดยส่งไปยังสถานพินิจ แต่อยู่ได้ไม่เกินอายุ 18 ปี หมายความว่าหากเด็กที่กระทำความผิดอายุ 14 ปี ก็ส่งให้คุมขังที่สถานพินิจได้สูงสุด 4 ปี สังคมอาจจะมองว่าเป็นการลงโทษที่เบามาก เป็นบทลงโทษที่ไม่สมควรแก่เหตุ ฉะนั้น เรื่องนี้ทางกมธ.สวัสดิการฯ ได้เตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนักสิทธิมนุษยชน กระทรวง พม. ตัวแทนอธิบดีกรมกิจการเด็ก มาร่วมพูดคุยว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี