ตำรวจขยายผล‘แก๊งตบทรัพย์’
พบอีกรีดกว่า100ล.
‘บิ๊กเต่า’ถกเครียดคดี‘ศรีสุวรรณ’
ปูดอดีตนักการเมือง‘ป.’บงการไถ
นายกฯลั่นไม่มีใครอยู่เหนือก.ม.
กำชับ‘ธรรมนัส’เร่งดำเนินการ
นายกฯ ลั่นไม่มีใครอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม หลังมีข่าวนักการเมืองแทรกแซงคดี “ศรีสุวรรณ” สั่ง“ธรรมนัส”ดำเนินการตามกฎหมาย “บิ๊กเต่า” ถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าคุยคดีแก๊งศรีสุวรรณ ตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว พบมีไอ้โม่งตัวใหญ่คอยสั่งการ เล็งขยายผลหลังพบหน่วยงานอื่นถูกเรียกรับเงินกว่า 100 ล้าน ด้านทนายอธิบดีกรมการข้าว แฉเพิ่ม ‘นายป.’นักการเมืองหนุนหลังแก๊งฉาว ขณะที่เมียอธิบดีโพสต์กลัวไม่ปลอดภัยให้ลูกหยุดเรียน ฝ่าย รทสช.ตั้งกรรมการสอบ ตั้งกรรมการสอบ “พิมณัฏฐา”มีเอี่ยว
วันที่ 29 มกราคม 2567 พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวภายหลังประชุมชุดสืบสวน ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่มีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พร้อมด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นคณะทำงานเพื่อคลี่คลายคดีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวกรวม 3 ราย ได้ร่วมกันข่มขู่เรียกเงินอธิบดีกรมการข้าวจำนวน 3 ล้านบาท แลกกับการไม่ร้องเรียนโครงการทุจริต
อึ้งพบอีกรีดเป็นร้อยล้าน
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้เปิดเผยว่า การสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะคำให้การของอธิบดีกรมการข้าวที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก และยังมีพยานหลักฐานอื่น ๆ อีกหลายส่วน ซึ่งสามารถระบุถึงพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าวได้ชัดเจนว่ามีการวางแผนทำเป็นขั้นตอน ทั้งคนชี้เป้า คนเคลียร์ คนรับเงิน และยังพบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกหลายคน ซึ่งจะต้องเรียกเข้ามาสอบปากคำ โดยมีคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นคนให้ข้อมูลกับระดับ ‘ผู้สั่งการ’ ในขบวนการดังกล่าวให้ร้องเรียนในที่ต่างๆ และยังมีข้อมูลว่ามีหน่วยงานอื่นที่ถูกเรียกรับทรัพย์จากกลุ่มดังกล่าวในระดับร้อยล้านบาท แต่ยังไม่มีการจ่ายเงิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานดังกล่าวว่าจะเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่
เชี่อมีผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง
ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่า น่าจะมีผู้สั่งการในระดับที่สูงขึ้นไปอีกนอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คนขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ยืนยันว่า ตำรวจยังต้องการตัว ‘ปลาใหญ่’ กว่านี้ แต่ไม่ขอระบุเป็นนักการเมืองหรือไม่ ส่วนกรณีของอธิบดีกรมฝนหลวงที่อาจจะถูกกลุ่มนี้เรียกรับเงินนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีมูล ซึ่งหากตำรวจพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงกรณีอื่นก็จะเปิดเผยให้รับทราบ
ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบวงจรปิดบริเวณรอบบ้านนายศรีสุวรรณ รวมถึงโทรศัพท์ของผู้เสียหายนั้น อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบทุกขั้นตอน คาดว่าจะเสร็จในวันนี้ แต่จะเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงินหรือไม่นั้นยังต้องตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับ การรับผลประโยชน์ในคดีก่อนหน้านี้อย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าชุดพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองมา แต่อย่างใดและ ยังไม่มีใครติดต่อมา หากมีก็รับมาตรา 157 ไปก่อน
ส่วนกรณีที่ในคลิปเสียงสนทนามีการกล่าวอ้างถึงบุคคลอื่นในขบวนการ เช่น นักข่าว หรือตำรวจก็อาจต้องเรียกมาชี้แจง แต่ผู้ต้องหาก็สามารถการ กล่าวอ้าง หรือมีสิทธิ์พูดอย่างไรก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับฟัง แต่จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐานปรากฏ
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงพฤติการณ์ของบุคคลเหล่านี้ว่า มีการกระทำกันจนย่ามใจ ไม่รู้ว่าขอบเขตของกฎหมายเป็นอย่างไรและบางคนในทรัพย์สินร่ำรวย มีบ้าน 10 หลัง มีที่นาเป็น 100 ไร่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องตรวจสอบต่อไป
ทนายอธิบดีข้าวแฉยิบ
ที่บริเวณลานจอดรถอัตโนมัติสำนักงานศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก นายดนุเดช ศิริวงษ์ตระกุล ทนายความ อธิบดีกรมการข้าว ที่ถูกนายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียนชื่อดัง รีดเงิน 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกร้องเรียน ให้สัมภาษณ์ย้อนไปถึงก่อนเหตุ ว่า มีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว ส่งมายังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนที่อธิบดีกรมการข้าวจะถูกเรียกเข้าไปชี้แจงถึงงบก้อนดังกล่าว ว่า ไม่ได้ใช้แล้ว และส่งให้ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยชาวนาไปแล้ว จากนั้นเรื่องจึงยุติไป จนอธิบดีกรมการข้าวมาปรึกษากับตนว่าน่าจะถูกคนกลั่นแกล้ง จึงมอบอำนาจให้ไปแจ้งความร้องทุกข์
ต่อมามีที่ปรึกษาของผู้บริหารของกระทรวงเกษตรฯ เรียกอธิบดีกรมการข้าวเข้าไปพบ ก็ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ซึ่งที่ปรึกษาคนนี้ได้แนะนำให้จ่ายเงินเคลียร์นาย ศ. เรื่องจะได้ยุติลง เพราะหากมีการแถลงข่าวก็จะเกิดความเสียหายอย่างมาก ก่อนจะนัดแนะให้ไปจ่ายเงินที่บ้านนาย ศ. จำนวน 6 หลัก มากกว่า 100,000 บาท ซึ่งขณะนั้นก็คิดว่าเรื่องจะจบแล้ว แต่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายศ. และนายจ. ไปแถลงข่าวที่รัฐสภา กล่าวหาถึงการทุจริตในกรมฝนหลวง ซึ่งในช่วงท้ายมีการกล่าวถึงกรมการข้าว ว่า เป็นกรมเล็กแต่มีการซุกงบกว่าหมื่นล้าน และตั้งภรรยาผู้บริหารให้เปิดบริษัทรองรับการการทุจริต
เผยนายศ.โทรหาอธิบดี
ในวันนั้นเดียวกันก็มีโทรศัพท์จากนายศ.โทรเข้ามาหาอธิบดีกรมการข้าว แต่ไม่ได้รับ วันถัดมานายศ.ก็โทรเข้ามาอีก เพื่อนัดกินกาแฟช่วงเที่ยง มาถึงก็บอกว่า ขณะนี้เตรียมตอบสอบงบประมาณ และเตรียมยื่นให้กรรมาธิการตรวจสอบ ซึ่งอธิบดีกรมการข้าว ตอบกลับว่า จะตรวจสอบอะไร และยืนยันว่า ไม่ได้ทำความผิด จากนั้นเมื่อแยกย้ายกันแล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาอธิบดีกรมการข้าวอีกครั้ง และเรียกรับเงินเพิ่ม ก่อนที่อธิบดีกรมการข้าวจะยื่นโทรศัพท์ให้ภรรยาเป็นคนคุย ปลายสายตอบกลับว่า จะเรียกเงินจำนวน 2 โล หรือ 2 ล้านบาท ซึ่งภรรยาอธิบดีกรมการข้าว ก็บอกว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ และหากดูแลเล็กๆน้อยๆก็ดูแลได้ ก่อนจะมีการต่อรองกันจนเหลือ 1 กิโลครึ่ง หรือ 1.5 ล้านบาท
ทางฝ่ายผู้ต้องหาได้ขอให้โอนมาก่อน 1แสนบาท แต่ตัวเองนั้นบอกภรรยาอธิบดีกรมการข้าวว่า โอนไปแค่ 5 หมื่น บาทก่อน ทั้งนี้เลข ที่บัญชีที่มีการส่งมาให้โอนไปนั้นไม่ได้เป็นชื่อของ 1 ใน 3 ผู้ต้องหา จากนั้นก็มีการเร่งเร้าให้จ่ายเต็มจำนวน 1 แสนบาท วันที่ 23 ธันวาคม2566 จึงโอนให้อีก 1หมื่นบาท
นายดนุเดช กล่าวว่า ระหว่างนั้นก็ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอส่วนหนึ่ง และเข้าพบกับตำรวจ บก.ปปป.แล้ว ก็โทรกลับไปหานายศ. ซึ่งบอกว่า ยังเหลือเงินที่ต้องจ่ายอีก 1.44 ล้านบาทบาท ภรรยาอธิบดีกรมการข้าวจึงนำเงินจำนวน 1 แสนบาท ไปให้นายศ.ที่บ้าน เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 ซึ่งวันนั้นมีการถ่ายคลิปวีดีโอขณะที่นายศ.กำลังรับรับเงิน เป็นพยานหลักฐานจนนำไปสู่การออกหมายจับกระทั่งวันที่ 26 มกราคม 2567 ตำรวจ บก.ปปป.จึงเข้าจับกุมนายศ. โดยมีของกลางเป็นเงินจำนวน 5 แสนบาท
ห่วงการเมืองเข้ามาแทรก
นายดนุเดช กล่าวต่อว่า ตัวเองนั้นกังวลว่า จะมีการเมืองเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้นายจ.ผู้กระทำผิดไม่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหากผู้ต้องหาไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะไม่เข้าข่ายมาตรา 173 พรป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ที่ระบุว่าหากเจ้าหน้าที่รัฐยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ โทษที่จะได้รับสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต ก็จะเหลือเพียงข้อหากรรโชกทรัพย์ซึ่ง โทษเบากว่า และนายศ.ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดก็จะไม่ถือเป็น ผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ก็จะได้รับโทษน้อยไปด้วย จึงอยากให้ตำรวจเดินหน้าทำงานต่อ อย่าให้เรื่องเงียบ
“ขณะนี้มีนักการเมืองตัวย่อ นาย ป. ซึ่งเป็นอดีตนักการเมือง และเคยเป็นผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ได้ติดต่อมายังอธิบดีกรมการข้าว และภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว ฝากมาบอกตัวเองให้เบาๆหน่อย และให้ยุติบทบาท รวมทั้งพยายามโยงธุรกิจของภรรยาอธิบดีกรมการข้าว ที่ทำธุรกิจฟาร์มหมูและฟาร์มไก่ ให้ไปเชื่อมโยงกับคดีหมูเถื่อนตีนไก่เถื่อนด้วย เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ แต่ส่วนตัวไม่กลัว เพราะเห็นว่า หากมัวเกรงกลัวอิทธิพลคงไม่ได้ เพราะวิธีการมาใช้อำนาจโดยมิชอบเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” นายดนุเดช กล่าว
เมียอธิบดีกรมข้าวกลัวไม่ปลอดภัย
ด้านนางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร ภรรยาของ อธิบดีกรมการข้าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้...ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ขอร้องอย่าให้ข่าวในทางบวกและลบกับทั้ง 2 ฝ่าย เจ้าหน้าที่ทำงานหนัก เหนื่อย และนานแล้ว
ฉันไม่ไปออกสื่อทุกๆรายการ เดาว่าตอนนี้โทรศัพท์พวกเขาไม่น่าจะอยู่ที่เขาเพราะฉันเอาโทรศัพท์ของฉันให้เจ้าหน้าที่เท็กข้อมูลเชื่อมโยงถึงกันนั่นหมายถึงว่า (น่าจะทึ่งค่ะ) ข้อมูลอื่นๆที่มี กล้องวงจรบ้านเขาที่มีทั้งหมดรอบบ้าน มันก็น่าจะสัมพันธ์กับของฉันที่มีให้เจ้าหน้าที่ไป (ฉันคิดว่าพอได้แล้วรอก่อน) เดี๋ยวผลก็ออกมา และคิดว่าใครๆที่ยังไม่เข้าใจข้อเท็จจริงของทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าคุณไม่แน่ใจอะไรคุณอย่าเพิ่งพูดเถอะค่ะ กลัวว่าพวกคุณกำลังเป็นเหยื่อเสียเอง กับฉันก็ไม่ต้องเชียร์ขนาดนี้ก็ได้ค่ะรอก่อน..ฉันไม่ผิด (ตัวเท่าช้าง).
ใครจะอยู่ฝ่ายไหนก็น่าต้องโดนฟ้อง ถ้ายังไม่หยุดฉันคงจะประกาศตั้งทนายในประเทศไทยทุกๆจังหวัด ฟ้องคนที่ดูหมิ่นฉัน หากชนะฉันจะไม่นำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองสักบาท พร้อมมอบเงินบริจาคทุกบาทมอบให้ผู้พิการยากไร้ เข้าแต่ละจังหวัดนั้นๆไปเลยจร้าาาา
ที่สุดคือฉันกลัวความไม่ปลอดภัยกับตัวเองและครอบครัว ฝากสื่อและสังคมติดตามเรื่องความปลอดภัยของฉันและครอบครัวด้วยนะคะไม่คิดว่าเรื่องมันจะลุกลามบานปลายถึงขนาดนี้ วันนี้ตัดสินใจแล้วให้ลูกหยุดเรียนกลับมาอยู่บ้านแล้วค่ะ ทำไงได้ค่ะเลือดนักสู้มันติดเป็นสันดานฉีดทุกรูขุมขนลูกชาวนาไปแล้วค่ะ แค่ได้เกิดในที่ๆไม่มีสงคราม ภูมิใจที่ได้เกิดบนแผ่นดินนี้ ต่อให้ตายก็ไม่เสียดายชาติเกิด ขอบคุณทุกๆความห่วงใย
ธรรมนัสสั่งสอบข้อเท็จจริง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยาถูกจับกุมข้อหาข่มขู่เรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว ว่า โครงการที่มีผู้ร้องเรียนเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ ปี 2565 และ 2566 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณปี 2567 ที่ตนมีหน้าที่ดูแลอยู่ เรื่องเก่า ๆ ตนกำลังปัดกวาดทำความสะอาดบ้านอย่างต่อเนื่อง เรื่องใดก็ตามที่ร้องเรียนมาถึงตน จะทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป หากพบว่าส่อไปในทางทุจริต จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เป็นเรื่องภายในของกระทรวงเกษตรฯ ส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอกยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนด้วย
“การพิจารณาในครั้งนี้จะแยกเป็นสองส่วน คือ ผู้ถูกร้องเรียน ได้แก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ต่างๆจะมอบหมายปลัดกระทรวงเกษตร ฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ตรวจสอบข้อเท็จจริง และตั้งกรรมการสอบสวน ในส่วนของผู้เสียหาย หรือผู้ร้องเรียน เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทางกระทรวงเกษตรฯ ก็จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นใหญ่ที่คนในสังคมให้ความสนใจ ทางกระทรวงเกษตรฯ จะเร่งตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ธรรมนัสแจงคลิปเสียง
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการอะไรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกเรื่องในกระทรวงจะต้องรายงานนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่คลิปเสียงกล่าวอ้างว่ามีรัฐมนตรีช่วยเข้าไปเกี่ยวข้อง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า กำลังตรวจสอบวงจรปิดในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าผู้ถูกกล่าวหาไปพบรัฐมนตรีช่วยท่านใด ขออย่าเพิ่งกล่าวหา ต้องตรวจสอบก่อน ส่วนจะมีกรมอื่น ๆ ภายในกระทรวงเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ จากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีแทบทุกกระทรวง แต่กระทรวงเกษตรฯ ยุคนี้ ตนมีที่ปรึกษาที่เป็นนักกฎหมายกว่า 20 คน เวลาทำอะไรต้องระวัง ทั้งที่แต่งตั้งแล้ว ไม่แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ มีหลายกรมแต่ยังไม่เป็นประเด็น
ส่วนกรณีที่มีคลิปเสียงระบุว่า “ผู้ใหญ่ให้มาเคลียร์” ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนได้รับคลิปมาหลายคลิปและกำลังสอบสวนอยู่ การที่ผู้ถูกกล่าวหาพากพิงมาถึงผู้ใหญ่หรือตนนั้น ต้องตรวจสอบว่าบุคคลที่พาดพิงเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นน่าจะเป็นราคาคุยมากกว่า และว่า “ฝากพี่น้องถ้าใจรักอาชีพการเป็นนักสะท้อนให้สังคมเค้าเห็นถึงเรื่องต่าง ๆ ให้พึงระวัง เพราะถ้าจะคุยอะไรกับนักกฎหมายต้องระวัง นักกฎหมายเขาไม่โง่หรอก”
เมื่อถามว่า ข่าวที่เสียหายเกี่ยวกับกระทรวงเกษตรจะส่งผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไปหรือไม่ ร.อ.เอกธรรมนัส กล่าวว่า ในยุคที่ตนทำงานมีเรื่องไหนบ้างที่เสียหาย มีแต่เข้ามาปัดกวาดบ้าน ทุกเรื่องในยุคนี้ต้องโปร่งใส มีธรรมาภิบาล สิ่งที่ตนกำลังทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องเก่า ๆ ทั้งนั้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องไปยุ่งกับทุกกรม
ร้องปปง.สอบบ้าน2หลัง
วันเดียวกันที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” และนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือลุงศักดิ์ คนเสื้อแดง นำหลักฐานเป็นเอกสารเกี่ยวกับที่มาของบ้านเดี่ยว 2 หลังที่ จ.ปทุมธานี ของนายศรีสุวรรณ จรรยา
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า นายศรีสุวรรณ เป็นนักร้องเรียนมากว่า 10 ปี ไม่มีอาชีพชัดเจน ไม่มีที่มารายได้เป็นหลักแหล่ง ทำให้เกิดความสงสัยว่า นำเงินที่ไหนมาซื้อทรัพย์สินราคาแพงแบบนี้จึงต้องตรวจสอบ
เมื่อถามว่า เป็นการประกาศท้าชนนายศรีสุวรรณเลยหรือไม่ ทนายอั๋น ตอบว่า “ผมท้าชนนายศรีสุวรรณมานานแล้วเพราะพฤติกรรมแบบนี้มองว่ากระจอกกว่าที่คิด และผมขอประกาศว่านายศรีสุวรรณจะไม่กลับมากล้าร้องเรียนได้อีก ถ้ากลับมาจะกล้าหรือ ไม่อายหรือ“
รทสช.สอบ“พิมณัฏฐา”เอี่ยวรีดเงิน
นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)ให้สัมภาษณ์กรณีข่าวนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อดีตสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติและน.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.อุตรดิตถ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เข้าไปพัวพันกับข่าวการรีดไถเงินอธิบดีกรมการข้าวร่วมกับนายศรีสุวรรณ จรรยาว่า พรุ่งนี้พรรครทสช.จะมีการประชุมกก.บห.และสส.โดยตนจะเสนอต่อที่ประชุมพรรคเพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ขึ้นมา ขณะที่กรรมการบริหารพรรคก็คงต้องเรียกผู้เกี่ยวข้องมาคุย ส่วนจะมีมติเช่นไรก็อยู่ที่ดุลพินิจ
นายเอกณัฏ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ไปตั้งกันเอง ที่ไม่เกี่ยวกับพรรค ตนก็จะประสานเอาออกให้หมด อย่างเช่นที่ปรึกษากรรมาธิการต่างๆ ก็จะมีการตรวจสอบทั้งหมด หากมีก็จะเอาออกไว้ก่อน ผิดถูกอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ คนที่เสียหายก็ต้องไปสู้คดี ซึ่งพรรคเองก็พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ปกป้องคนที่กระทำความผิดแน่นอน
“เศรษฐา”ลั่นไม่มีใครอยู่เหนือ ก.ม.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ถึงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา ว่าได้มีการติดตามเรื่องนี้หรือไม่ และทราบมาว่าขณะนี้มีนักการเมืองเข้าไปข่มขู่เพื่อไม่ให้อธิบดีกรมการข้าวและภรรยาเคลื่อนไหว ว่า ที่ถามว่าได้ติดตามเรื่องของนายศรีสุวรรณหรือไม่นั้น ตั้งแต่วันแรกไม่ได้อ่าน แต่เชื่อว่าตอนนี้อยู่ในกระบวนการของกฎหมายแล้ว หากมีนักการเมืองหรือใครก็ตามที่ไปกดดัน ตนเชื่อว่ารัฐบาลนี้ยอมรับไม่ได้ แต่คิดว่าคงไม่มี และไม่อยากให้มี ถึงแม้จะมีตนก็คิดว่าไม่สามารถมีอำนาจเหนือกระบวนการยุติธรรมได้
เมื่อถามว่า ได้สั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ เนื่องจากมีการพาดพิงการทุจริตไปถึงหลายกรมในกระทรวงเกษตรฯ นายกฯ กล่าวว่า เมื่อวานได้เจอ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ช่วงกลางคืน ได้กำชับไปแล้วว่าให้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งท่านก็รับปากว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแค่นั้น
“กระทรวงอื่นยังไม่ได้เจอกัน พรุ่งนี้หากมีใครหยิบยกขึ้นมาพูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก็จะมีการพูดคุยกัน” นายกฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี