รวบ อส.เลือดร้อน พร้อมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก หลังควงปืนบุกห้องพักปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอโนนสุวรรณ ขณะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อพักผ่อน ชักปืนจ่อบังคับให้นอนลงหวังเหนี่ยวไกปลิดชีพแต่ปลัดฮึดสู้แย่งปืนกระสุนลั่น 1 นัดหวิดสิ้นชื่อก่อนวิ่งไปขอความช่วยเหลือในสภาพใส่กางเกงในตัวเดียว อส.อ้างแค้นไม่ให้ลาไปหาหมอ ปลัดยันไม่ได้ห้ามลาแค่แจ้งระเบียบหากลาเกิน 3 วันต้องมีใบรับรองแพทย์ประกอบ แต่อีกฝ่ายกลับไม่พอใจ
เมื่อวันที่ 31 ม.ค.67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ได้จับกุมนายอดุลย์ อายุ 39 ปีอาสารักษาดินแดนปฏิบัติหน้าที่ประจำอำเภอโนนสุวรรณ หลังได้ก่อเหตุควงอาวุธปืนพกสั้นไปที่ห้องพักของนายโรจนินทร์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอโนนสุวรรณ เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.เย็นวันที่ 30 ม.ค.67 ขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมจะพักผ่อนแล้ว อส.ได้ใช้ปืนกระบอกดังกล่าวจ่อบังคับให้ปลัดอำเภอนอนลงบนที่นอน พร้อมทั้งใช้มือข้างซ้ายหยิบหมอนขึ้นมาบังเพื่อหวังจะเหนี่ยวไกปลิดชีพปลัด แต่ปลัดอำเภอฮึดสู้ยื้อแย่งปืนจาก อส.จนเกิดปืนลั่น แต่เคราะห์ดีที่กระสุนไม่ได้โดนใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
หลังปลัดแย่งปืนจาก อส.ที่พยายามบุกเข้าไปก่อเหตุได้แล้วก็รีบวิ่งออกจากห้องพักในสภาพนุ่งผ้าขนหนูด้านในสวมแค่กางเกงในไม่ได้ใส่เสื้อเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านใกล้เคียง แต่ระหว่างทางผ้าขนหนูเกิดหลุดเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวกับอาวุธปืนของกลางที่แย่งได้จากมือของ อส.ไปขอความช่วยเหลือจากร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากห้องพักที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งกล้องวงจรปิดของทางร้านสามารถบันทึกภาพขณะที่ปลัดวิ่งมาขอความช่วยเหลือในสภาพที่ใส่กางเกงในตัวเดียว แต่ อส.ไม่ได้วิ่งตามมา ซึ่งตอนที่ปลัดวิ่งมาขอความช่วยเหลือตอนแรกแม่ค้าร้านชำได้ยื่นกุญแจให้แต่รถ จยย.สตาร์ทไม่ติด จังหวะนั้นได้มี จยย.อีกคันขับมาหน้าร้านจึงขอให้ช่วยไปส่งที่ สภ.โนนสุวรรณ เพื่อไปแจ้งความ
จากการสอบถามนายอดุลย์ อส.คนที่ก่อเหตุ บอกว่า ตนเพิ่งย้ายมาทำงานที่ อ.โนนสุวรรณ ประมาณ 3 - 4 เดือนแล้ว ซึ่งช่วงนี้ตนป่วยเป็นโรคเก๊าและไขข้อกระดูกเสื่อมก็จะไปหาหมอเป็นระยะ ล่าสุดมีนัดหาหมอวันที่ 31 ม.ค.67 ในวันที่ 30 ม.ค.จึงไปแจ้งกับปลัดฝ่ายความมั่นคงว่าจะขอลาไปหาหมอ แต่ปลัดกลับบอกว่าลาไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้ลาไปแล้ว จึงเกิดความไม่พอใจพอเลิกงานจึงถือปืนไปที่ห้องพักของปลัด แต่ไม่ได้ตั้งใจจะไปยิงแค่กะข่มขู่เท่านั้นเพราะความโมโห
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังห้องพักที่เกิดเหตุ ซึ่งปลัดเช่าอยู่แต่ไม่เจอปลัด จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยปลัดบอกว่า หลังเกิดเหตุก็ลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด 2 วันแต่ก็ได้ให้ข้อมูลว่า ไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับ อส.คนดังกล่าว เพราะเพิ่งย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็หยุดบ่อยและมาทำงานสาย ก่อนหน้านี้ก็ขอลาป่วย 2 วันซึ่งก็ลาได้ตามปกติ แต่ล่าสุดก็มาบอกว่าจะลาไปหาหมออีก ตนจึงอธิบายไปว่าตามระเบียบถ้าลาเกิน 3 วันจะต้องมีใบรับรองแพทย์มายื่นประกอบการลาด้วย ก็ไม่คิดว่าแค่อธิบายระเบียบการลาแค่นั้น แต่ไม่ได้ห้ามลาตามที่เขาเข้าใจ ประกอบกับอาจจะดื่มเหล้าด้วยจึงเลือดร้อนมาก่อเหตุ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
สอบถามเจ้าของร้านชำที่ปลัดวิ่งมาขอความช่วยเหลือ บอกว่า ช่วงเย็นวันเกิดเหตุก็ขายของตามปกติ จู่ๆ เห็นผู้ชายใส่กางเกงในตัวเดียววิ่งหน้าตาตื่นมาขอความช่วยเหลือ โดยในมือถือปืนมาด้วย ตอนแรกตนก็ไม่รู้ว่าเป็นปลัดอำเภอ และยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือคนร้ายเพราะในมือมีปืนด้วย แต่พอเขาบอกว่าจะขอยืมรถ จยย.ขับไปโรงพักหน่อย จึงคิดว่าน่าจะไม่ใช่คนร้ายจึงได้ยื่นกุญแจรถ จยย.ที่จอดอยู่หน้าร้านให้แต่บังเอิญ จยย.สตาร์ทไม่ติด แล้วก็มีลูกค้าขับ จยย.มาจอดหน้าร้านพอดี จึงขอให้เขาช่วยไปส่งที่โรงพัก
ด้านสาววัย 39 ปีที่เช่าอยู่ห้องพักข้างกันกับปลัด บอกว่า ตั้งแต่ปลัดมาเช่าห้องอยู่ได้ราว 2 -3 เดือนก็ไม่เคยเห็นมีใครมาหา แต่ช่วงที่ อส.มาก่อเหตุ ตนไม่ได้อยู่ที่ห้องเช่า เพราะต้องออกไปรับลูกที่โรงเรียน แต่พอกลับมาเห็นชาวบ้านเล่ากันว่ามีคนถือปืนจะเข้าทำร้ายปลัด ก็ตกใจเหมือนกัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำและแจ้งข้อหานายอดุลย์ 3 ข้อหา "พยายามฆ่า ,พกพาอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควร และบุกรุก" - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี