ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับชุดสืบภาค 8 รวบทีมปล้นร้านทอง ก่อนตระเวนขายทองตั้งแต่ภาคใต้จนถึง กทม.
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุมนายสรายุทธฯ ในความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวก เพื่อการกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมฯ” พร้อมตรวจยึดของกลาง1. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง Galaxy A7 (ได้ใช้ในการติดต่อเพื่อร่วมการกระทำความผิด) 2. บัตร ATM ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ผูกกับบัญชี นายสรายุทธฯ (ได้ใช้ฝากเงินสดที่ได้จากการนำทองคำไปขาย) โดยสถานที่จับกุม บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 15 ต.มิตรภาพ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม
สืบเนื่องจากเมื่อ 20 ม.ค.2567ได้มีคนร้าย 2 คนเข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราช สาขาห้างโลตัสไชยา หมู่ที่ 2 ต.เวียง อ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายที่ 1 ยืนอยู่ข้างร้าน แล้วกระโดดขึ้นที่ตู้ใส่ทอง กวาดสร้อยทองบนถาดแขวนทองใส่กระเป๋าสะพาย แล้วกระโดดข้ามตู้ใส่ทองออกไป คนร้ายที่ 2 ถืออาวุธปืน 2 กระบอก ยืนอยู่หน้าร้านเพื่อคอยช่วยเหลือป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา
ต่อมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกับชุดสืบสวนภาค 8 สืบสวนจนทราบว่ามีผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดจำนวน 5 คน โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณสถานที่เกิดเหตุ พบว่าก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 วัน มีนายอโนชาฯ อายุ 33 ปี, นายโชค (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี, นายสรายุทธฯ อายุ 38 ปี ได้เข้ามาที่ห้างเทสโก้โลตัส สาขาไชยา เพื่อสังเกตุการณ์ดูลาดเลาไว้ก่อนแล้ว ต่อมาในวันที่ 20 ม.ค.2567 เวลาประมาณ 18.56 น. นายอโนชาฯ ทำหน้าที่ชี้เป้า เข้ามาภายในบริเวณห้างเทสโก้โลตัส สาขาไชยา เพื่อดูลาดเลาอีกรอบ แล้วส่งสัญญาณให้นายสรายุทธฯ ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ โดยมีนายภูวดลฯ ซ้อนท้าย ขับเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของห้างเทสโก้ โลตัส สาขาไชยา ใกล้กับจุดที่นายอโนชาฯ จอดรถจักรยานยนต์ โดยนายสรายุทธฯ ซึ่งเป็นคนขับ และนายภูวดลฯ ซึ่งเป็นคนนั่งซ้อนท้าย เดินเข้าไปถึงร้านทองที่เกิดเหตุ
นายสรายุทธฯ ได้ชักอาวุธปืนสั้นออกมาแล้วกระโดดข้ามเคาร์เตอร์ร้านทอง เข้าไปกวาดสร้อยทองคำข้อมือน้ำหนัก 1 บาท 27 เส้น สร้อยคอทองคำ 2 สลึง 13 เส้น รวมมูลค่ากว่า 1,200,000 บาท ส่วนนายภูวดลฯ ทำหน้าที่คอยคุ้มกัน บริเวณหน้าร้านทองที่เกิดเหตุ โดยชักอาวุธปืนสั้นออกมา 2 กระบอก เหวี่ยงไปมา เมื่อได้ทองคำมาแล้วก็วิ่งไปขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาชุดสืบสวนได้พบรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ จมอยู่ในคลองท่าไร ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ส่วนนายสรายุทธฯ และนายภูวดลฯ นั้นได้หลบหนีต่อไป โดยมีนายอโนชาฯ, นายโชคฯ และนายจิ๊กโก๋ พาหลบหนีไปด้วยรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน สำหรับสร้อยทองคำที่ได้มาจากการปล้นนั้น นายสรายุทธฯได้เดินทางไปหลายจึงหวัด ตั้งแต่สงขลา ไปถึงระยอง ชลบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อตระเวนขายสร้อยทองคำ
กระทั่ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนทราบว่านายสรายุทธฯ ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม จึงได้ประสานการปฏิบัติกับชุดหนุมานกองปราบ เพื่อวางแผนเข้าทำการจับกุม ส่วนพวกที่เหลือที่ได้ร่วมกันก่อเหตุนั้นยังคงหลบหนีกบดานอยู่ในพื้นที่ จว. สุราษฎร์ธานี ทางชุดสืบสวนภาค 8 ก็ได้ร่วมกันวางแผนเข้าทำการจับกุม จนทำให้สามารถทำการจับเอาไว้ได้ จากการสอบถามนายสรายุทธฯ ให้การรับว่าขายสร้อยทองหมดไปแล้ว ได้เงินสดมาประมาณ 650,000 บาท ได้นำเงินไปใช้หนี้ และเล่นการพนันออนไลน์หมดแล้ว จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไชยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผลการปฏิบัติภายใต้อำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.การ., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., สั่งการให้ พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ต.ธีระพงษ์ คงเขียว สว.กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ดำเนินการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี