ปฏิบัติการดับไฟป่าเขตฯสลักพระ-อุทยานฯเขื่อนศรีนครินทร์ ฮ.ปภ.KA.32-ฮ.ทส.4 วันบิน 45 เที่ยวทิ้งน้ำ 135,000 ลิตร ส่วนค่า PM2.5 เริ่มมีผมต่อสุขภาพ
วันนี้ (14 ก.พ.67) นายอุทัย ขันทอง รักษาราชการแทน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 10-13 ก.พ. ตนพร้อมด้วยนายสพลทวรรธ วงษ์คำ ผู้ช่วย ปภ.กาญจนบุรี และนายชาติ ศรีสุข หัวหน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี นายอาทิตย์ สร้อยแสง เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายประวัฒน์ พวงทอง ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า
นายมานะ เพิ่มพูล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน (War Room) รรท.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายทศพร รักจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ นายสิขกพงษ์ กระแจะจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร นางคณิสรา เชฐบัณฑิตย์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ หัวหน้าหน่วยงานภาคสนามและเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)
ประชุมวางแผนตรวจติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ และเขตรักษาพันสัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี โดยเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ลงพื้นที่ติดตามวางแผนแก้ไขสถานการณ์ไฟป่า เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมสถานการณ์ไฟป่าได้อย่างทันท่วงที โดยได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อบินตรวจสอบสภาพบริเวณพื้นที่การเกิดไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยตนเอง
ตลอด 4 วันที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รุ่น KA-32 ที่มีประสิทธิภาพสูง จำนวน 1 ลำ มาร่วมปฏิบัติการดับไฟป่ากับเฮลิคอปเตอร์จาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีอยู่อีก 1 ลำ โดยภารกิจ บินทิ้งน้ำดับไฟป่าบริเวณอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.เริ่มขึ้นเวลา 12.50 น.ลงจอด 14.40 น. บินทิ้งน้ำดับไฟได้ 8 เที่ยว เป็นน้ำจำนวน 24,000 ลิตร สะสม 4 วัน 45 เที่ยวบิน ทิ้งน้ำดับไฟรวม 135,000 ลิตร
ส่วนสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีพบว่ามีปริมาณจุดความร้อนลดลง เจ้าหน้าที่ชุดเสือไฟเข้าควบคุมจุดความร้อน hotspot ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จำนวน 2 ชุดใหญ่ รวม 150 นาย การปฏิบัติภารกิจเข้าดับไฟป่า ภาคพื้นดินเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมีสภาพเป็นป่าและภูเขา สลับซับซ้อน ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีช้างป่าอาศัยอยู่ ทำให้เจ้าหน้าต้องเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้น สำหรับภารกิจในวันนี้ 14 ก.พ.) จะเริ่มประชุมหารือเพื่อวางแผนในเวลา 09.00 น.จากนั้นจะออกปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ได้รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศของจังหวัดกาญจนบุรี ประจำวันที่ 14 ก.พ.โดยสถานีตรวจวัด ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ว่า “ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีค่า 79.0 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ” แนะนำให้เด็ก คนชรา สตรีมีครรภ์ และผู้ป่วยในกลุ่มโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่นไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศรีษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นใส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์ ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการหายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้อกันตนเองหากมีความจำเป็น
สำหรับจุดความร้อน (Hotspot) ที่พบในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีในวันนี้มีมากถึง 234 จุด สำหรับจุดที่พบประกอบด้วย พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 137 จุด ป่าสงวน 44จุด เขต ส.ป.ก.9 จุด พื้นที่เกษตร 8 และพื้นที่อื่นๆ 36 จุด เส้นทางการเคลื่อนที่ของฝุ่นละอองมาจากแหล่งกำเนิดทั้งภายในและภายนอกจังหวัด - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี