รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น......
เมื่อพรรคเพื่อไทย ที่มี เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ทายาททางการเมืองของตระกูลชินวัตร เตรียมที่จะลุยไฟ เพื่อการขับเคลื่อน โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ให้ได้ โดยไม่หวั่นไหว กับการชี้แนะ ทั้งของ กฤษฎีกา และ ป.ป.ช. รวมทั้งยังงัดข้อ กับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นต่าง ในเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ ของประเทศไทย เรื่องการลุยไฟในการเข็นโครงการ ที่ องค์กรหลัก ของ ประเทศไม่เห็นด้วย จึงอาจจะต้องเดิมพันด้วยอนาคตของพรรคเพื่อไทย ในขณะที่นักการเมือง ที่เกี่ยวข้อง อาจจะเหมือนการยื่นเท้าข้างหนึ่ง เข้าไปเตรียมรับข้อหา หากดิจิทัล วอลเล็ต ที่ขับเคลื่อนแล้วไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นคืน แต่เป็นการก่อหนี้ ให้กับคนไทยทั้งแผ่นดิน.....
ก็เห็นใจ นักการเมือง ในฟากของเพื่อไทย เพราะโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่เพื่อไทยหาเสียงไว้กับ ประชาชน นั้น คือแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับประชาชนทุกชนชั้น ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อให้ช่วยกันใช้จ่าย ให้เกิดพายุการหมุนเวียนของเงินตราจำนวน 600,000 ล้านบาท คิดดูจะเป็นพายุมหึมาที่หมุนเวียน ในตะกร้าเงิน ขนาดไหน แต่เมื่อมาโดน ดิสก์เบรก ทั้งจากนักวิชาการ. กฤษฎีกา, ป.ป.ช.,ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยการชี้แนะ ให้ปรับเปลี่ยนนโยบาย แจกได้แต่แจกเฉพาะกลุ่มที่เปราะบาง และอยู่ภายใต้เส้นแบ่งของคำว่ายากจน ซึ่งแน่นอน วิธีแบบนี้ลุงตู่ ใช้มาแล้ว 9 ปี แต่ เศรษฐกิจไม่ได้รับการกระตุ้น ให้มีการกระเตื้อง แต่อย่างใด ดังนั้นถ้าแจกแบบนี้ เพื่อไทยคงไม่เอาด้วย ดังนั้นเรื่องเงินดิจิทัล จึงเป็นเรื่องของสองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตมอีกคนนัยน์ตาคม เห็นดวงดาว อยู่พราวพราย แต่วันนี้ คงจะชี้ชัดไม่ได้ว่าฝ่ายไหนที่เห็นโคลนตม และฝ่ายไหนที่เห็นดวงดาว สรุป แล้ว เรื่องนี้ หลังจากที่เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและพลพรรคของเพื่อไทย ที่ได้ขึ้นเวทีลุยไถ ด้วยการฟาดฟัน ผู้ที่เห็นต่าง แบบ ปะฉะดะ มาแล้ว จะทำการลุยไฟ หรือไม่นั้น เชื่อเถอะ ผู้ที่ทำการกดรีโมท เพื่อสั่งการให้เดินหน้าหรือถอยหลัง ย่อมต้องเป็นเทวดาบนชั้น 14 คนเดียวเท่านั้น และถ้าชั้น 14 สั่งไอ้เสือถอย เพื่อคำเดียว วิวาทะ ทั้งหมดก็จบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เรื่องนี้ไอ้เรืองเอาหัวเป็นประกัน......
กองปราบปราม กองกำกับการ 6 และ ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ เพิ่งตื่น หลังสนธิกำลังเข้าจับร้านเปิดจำหน่ายสุรา ที่แอบเปิดให้มีการเล่นดนตรี มีพนักงาน และมีการเต้นรำภายในร้าน เปิดจำหน่ายสุราเกินเวลาที่กำหนด แถมไม่มีใบอนุญาต หรือที่บางคนเรียกกันว่าผับเถื่อน ขณะที่มีนักท่องราตรีอยู่กันเต็มร้านเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ...ส่วน ตำรวจ สภ.คอหงส์ ยังมองไม่เห็นผับเถื่อนที่เปิดกันเป็นร้อยแห่งภายในเขตนครหาดใหญ่ และคอหงส์นับว่าเป็นเรื่องที่แปลก และเส้นที่ใหญ่ เนื่องจากผับเถื่อนสามารถเปิดให้บริการได้โดยที่ไม่มีใบอนุญาต และเปิดใกล้วัด สถานศึกษา มิหนำซ้ำ ไม่อยู่ในเขตโซนนิ่งอีกด้วย ถ้าเจ้าของผับเถื่อนไม่มีเส้น และไม่มีคนอ้างเป็นนักการเมือง และอ้างเป็นตำรวจถือหุ้น ผับเถื่อนคงไม่กล้าเปิดมาจนถึงทุกวันนี้หรอก นี่แสดงว่าผับเถื่อนที่นี่ เส้นใหญ่ น่าดู ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ไม่ลองส่งมือดี ลงตรวจสอบหน่อยหรือครับ ว่าผับเถื่อนที่นี้ เส้นใหญ่จริงหรือไม่..ชาวนครหาดใหญ่ และคนทั้งประเทศ จะได้รู้กัน... ว่าผับเถื่อนที่หาดใหญ่ ไม่มีหน่วยงานไหนกล้าแตะ... ส่วนที่บ้านไทยจังโหลน หรือ ด่านนอก อ.สะเดา ที่นั้นหนักกว่าหาดใหญ่ เพราะมีทั้ง ผับเถื่อนโรงแรมเถื่อน และที่สำคัญ ยังมีรถหัวลากทำถังน้ำมันลับไว้ขนน้ำมันเถื่อนเข้าประเทศ วันละหลายหมื่นลิตร แต่แปลก ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และด่านศุลกากร กลับมองไม่เห็น หรือถูกอะไรบังตาเอาไว้ ถึงปล่อยให้ของเถื่อนๆ เต็มด่านนอก...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี